พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ “การสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมด้านการศึกษา” โครงการสานพลังประชารัฐ (E5) – CONNEXT ED ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2561 โดยกล่าวเปิดงานความตอนหนึ่งว่า
“ผมรู้สึกตื้นตันที่ได้เห็นการแสดงออกจากทุกภาคส่วน คำว่าประชารัฐ คือ การขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมกัน สิ่งสำคัญคือการศึกษา เพื่อเตรียมประเทศให้ทันโลก โดยการเตรียมคนไทยเพื่ออนาคต วันนี้ อนาคต ปัจจุบัน และอดีต พันกันมั่วไปหมด เราพยายามเดินไปข้างหน้า แต่อีกพวกดึงไปข้างหลัง เซไปเซมา กองทัพต้องต่อสู้กับอริราชศัตรู แต่เรากำลังต่อสู้กับความไม่รู้ ดังนั้นคนต้องปรับตัว และปรับประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะเดียวกัน ในโซเชียลมีเดียมีการแสดงความเห็น และส่วนใหญ่เป็นความเห็นจากความไม่รู้ วันหน้าอำนาจรัฐจะถูกคนปฏิเสธ หลายอย่างเป็นวิกฤตในอนาคต โลกประชาธิปไตยการใช้โซเชียลมีเดีย เราไม่สามารถควบคุมได้ จึงต้องสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาคนของเราเอง ผมได้ถามประธานภาคเอกชนว่าอยากเป็นนักการเมืองหรือไม่ ได้คำตอบว่าไม่อยากเป็น แล้วเหตุใดคนที่ไม่ทำอะไรจึงอยากเป็นกันนัก คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ทนทรมานเหมือนกับผมที่ทนยิ่งกว่ายางมิชลิน แม้จะเด้งซ้ายเด้งขวาก็สู้ได้ ถ้ามีกำลังใจจากทุกคน ก็สู้ตายไม่กลัวอะไร แน่ ผมเป็นเพียงผู้นำทางไปข้างหน้า และเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องทำเพื่อแผ่นดิน ประเทศอยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอด สมัยก่อนไม่มีการสู้รบภายใน แต่เผชิญอธิปไตยภายนอก วันนี้จึงสู้รบกันเอง แต่จากนี้ไปเชื่อว่าจะดีขึ้น เพราะเวลาผมไปต่างจังหวัด ก็ขอให้ประชาชนอย่าทำร้ายประเทศเราอีก ขณะเดียวกัน ผมสัญญากับตัวเองในใจว่า จะไม่ตอบโต้ใครอีกแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ทุกที ก่อนนอนทุกวันก็สวดมนต์ ว่าพรุ่งนี้อย่าพลาด สื่อถามก็อย่าไปตอบอีก พร้อมกับนึกภาพอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน สุดท้ายก็อดไม่ได้ เพราะวันนี้กำลังเผชิญปัญหาอยู่ แม้วันนั้นหนัก แต่วันนี้หนักอีกแบบ เพราะโลกกว้างและความขัดแย้งสูง มีหลายคนบอกว่านายกรัฐมนตรีกำลังหาเสียง กลายเป็นว่าผมพูดอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะเลือกตั้ง แล้วเมื่อก่อนใครออกมาพูดโครมๆ ผมพูดในเรื่อง การบริหารราชการแผ่นดิน ก็ขอให้ช่วยผมพูดด้วย หลายคนบอกรักนายกฯ รักลุงตู่ จะอยู่กับนายกฯตลอด โดยเฉพาะนักข่าวบางครั้งช่วยซ้ำมากกว่า นอกจากนี้วันนี้อาชีพที่ทุกคนอยากเป็นไม่ใช่แบบเดิมแล้ว ที่มีเพียงครู หมอ ทหาร ตำรวจ บางคน เมื่อถามว่าอยากเป็นนายกฯหรือไม่ ก็บอกว่าอยากเป็น ดังนั้นมีโรงเรียนไหนสอนให้เป็นนายกฯหรือไม่ จึงขอฝาก CONNEXT ED ไปจัดโรงเรียนผู้นำ หลายอย่างต้องสร้างการเรียนรู้ทั้งหมด ทั้งผู้ปกครองครูและเด็ก ขณะที่ทุกวันนี้รัฐบาลมีกฎหมายที่จะต้องออกมากกว่า 300-400 ฉบับ และก็ยังไม่สามารถออกได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีกฎหมายที่ต้องออกตามรัฐธรรมนูญด้วย รัฐธรรมนูญหลายมาตรา แต่ก็เลือกอ่านกันมาตราเดียว คือ มาตราที่จะทำให้นายกฯติดคุก โดยผมไม่ได้มีอะไรและพูดด้วยความจริงใจ ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ท่านก็ต้องรักผมอยู่แล้วใช่หรือไม่ หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ผมจะได้กลับ ผมพูดด้วยความจริงใจ อาจกระเซ้าแรงไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วย สิ่งที่ผมยืนได้ทุกวันนี้ คือ แรงศรัทธาในตัวเองและด้วยเจตนาของตัวเอง แต่ศรัทธาหมด เราจะท้อแท้และหมดแรง เราจะต้องกระตุ้นด้วยเราศรัทธาของเรา และความเชื่อมั่น ไม่เช่นนั้นก็ต่อสู้กับอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น อีกทั้งหลายอย่างเราทำมากว่า 4 ปีแล้ว และ 5 ปีในอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ประเทศไทยจะแข็งแรงกว่าเดิมหรือไม่ จึงขอฝากในการเลือกตั้งว่า จะทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้ไปต่อได้ ทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่วันนี้ผมไม่มีข้างหลังแล้ว เพราะทุกคนมานั่งอยู่ข้างหน้าผมหมด ดังนั้นเวลาที่ผมไปสู้รบปรบมือกับใคร ขอให้ช่วยอยู่ข้างหลังผมด้วย ถ้าทุกวันนี้ทุกคนให้เกียรติผมตนก็จะให้เกียรติท่าน และจะทำงานให้เป็น 100 เท่า 1000 ทวี จึงขออย่าท้อแท้”
ก่อนขึ้นรถกลับ คณะนักข่าวที่รออยู่ถามเรื่องการตั้ง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส. เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือ พลเอกประยุทธ์ไม่ตอบ ยกมือโบก พูดว่า
“เป็นความหมายว่าลาก่อนๆ”
matemnews.com
12 กันยายน 2561
