น.ส ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2561 ว่า รายงานของสหประชาชาติยังขาดความสมดุลของข้อมูล รัฐบาลไทยตระหนักและให้ความสำคัญในเชิงนโยบายการส่งเสริม คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด ไม่เคยมีนโยบายหรือเจตนาข่มขู่ คุกคาม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใดจะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลมีการวางมาตรการ กลไกต่างๆ เพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ได้รับความปลอดภัย และสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ตลอดจนติดตามสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนเพื่อหาทางช่วยเหลือและการจัดทำรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รับทราบปัญหาและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
ส่วนกรณีนายไมตรี จำเริญสุขสกุลและน.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ทนายจูน) ที่ถูกกล่าวถึงในรายงานฉบับนี้ น.ส.ปิติกาญจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมและเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้ละเลยการคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา หากบุคคลดังกล่าวมีการร้องขอก็จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การปรึกษากฎหมาย การช่วยเหลือทางคดี การประกันตัว เป็นต้น รวมถึงหากบุคคลดังกล่าว ถูกข่มขู่ คุกคามหรือไม่ได้รับความปลอดภัย สามารถขอรับความคุ้มครองได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญ โดยเตรียมการออกเป็นนโยบายและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่น การเสนอปรับปรุงพรบ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 ให้ครอบคลุมถึงผู้แจ้งเบาะแสในความผิดเกี่ยวกับคดีอาญาด้วย ดังนั้น ในอนาคตหากบุคคลดังกล่าวถูกข่มขู่คุกคาม ไม่ได้รับความปลอดภัย ย่อมสามารถขอรับการคุ้มครองตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดได้ การเสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ…..
การบรรจุนโยบายในการส่งเสริม และคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไว้ในร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ฉบับที่ 1 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ระหว่างปี พ.ศ.2562-2566 ตลอดจนการจัดทำแผนปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ไทยตอบรับหรือให้คำมั่นโดยสมัครใจภายใต้กลไก UPR รอบที่ 2 (พ.ศ.2560-2563)
รวมทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีถูกกระทำทรมาน และถูกบังคับให้หายสาบสูญ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 131/2560 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 198/2560 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2560 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน พร้อมผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่ รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตรวจสอบ ติดตาม เยียวยา ป้องกันการทรมานและบังคับให้สูญหาย เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
matemnews.com
16 กันยายน 2561