เฟชบุ้ค Wassana Nanuam รายงาน
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
”นายกฯ” ขอบคุณคนไทย บริจาคกว่า264ล้าน สะท้อนว่า คนไทยไม่ทิ้งกันในยามทุกข์ยาก ถือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่หายไปนาน แต่มาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้/เผย”พระเจ้าอยู่หัวฯ” ทรงห่วงปชช.น้ำท่วม ฝากดูแล ให้ทั้วถึง อย่าซ้ำซ้อน/ เผยหาทางแก้ น้ำท่วมระยะยาว หาพื้นที่รับน้ำ ใช้แบบต่างประเทศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงใยประขาชน ที่น้ำท่วม ทรงติดตามด้วยความห่วงใยมาตลอด
และทรงแนะนำในเรื่องการช่วยเหลือประชาชน อย่าให้ซ้ำซ้อน เพราะมีหลายหน่วยงาน เช้าไปช่วย เพราะบางคนบางคนครอบครัว ได้รับแล้ว3-4 ครั้ง บางครอบครัวไม่ได้เลย จึงอยากให้ช่วยดูแลให้ทั่วถึง
นายกฯขอบคุณคนไทย ที่บริจาคกว่า264ล้าน ซึ่งสะท้อนว่า คนไทยไม่ทิ้งกันในยามทุกข์ยาก ถือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่หายไปนาน แต่มาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ถึงการเตรียมรับมือน้ำท่วมในพื้นที่
โดยพบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนยังมีอยู่ร้อยละ 50 สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาได้อีก
แต่ได้สั่งการให้หามาตรการป้องกันเพิ่มเติมกรณีที่ฝนตกนอกเขตเขื่อนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วม หากฝนยังตกหนัก จึงสั่งการให้ผู้ว่าฯ เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ไว้
ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ฤดูฝนยังเหลืออยู่อีก 2 ถึง 3 เดือน ซึ่งได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เตรียมการรับมือไว้ด้วย โดย เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่จะมีฝนตกช้ากว่าพื้นที่อื่นๆ จึงต้องระวังให้มากที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของการจัดการจัดทำแผนเผชิญเหตุและการลดพื้นที่น้ำท่วม รวมถึง การช่วยเหลือประชาชนได้รวดเร็วขึ้น
แต่ปัญหาสำคัญอีกหนึ่งประการ คือ ระบบการระบายน้ำที่จะออกไปสู่ทะเลและลำคลอง ยังไม่สามารถทำได้มากนัก เพราะยังมีปัญหาเรื่องที่ดินของเอกชนและประชาชน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วยตามหลักการ
จึงอยากขอความร่วมมือว่า หากต้องการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ยั่งยืน ต้องสร้างระบบขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อรองรับ จึงคิดว่า จะทำอย่างไรในการหาพื้นที่รองรับน้ำใกล้ภูเขาที่จะมีน้ำไหลลงมา อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่จะเก็บกักน้ำไว้จำนวนหนึ่งไม่ให้ไหลลงไปด้านล่างมากเกินไป
ซึ่ง ขณะนี้กำลังสำรวจอยู่ว่า พื้นที่บริเวณหน้าเขา จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างเพื่อจะได้ไม่รบกวนพื้นที่ของประชาชนมากนัก
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางพื้นที่ที่จำเป็น เช่นการทำระบบระบายน้ำออก จะต้องผ่านที่ดินประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็อาจต้องขอความร่วมมือ หากไม่ดำเนินการ ก็จะเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และวันข้างหน้าก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ
ดังนั้น จึงต้องร่วมมือกัน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจในปีนี้
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หาวิธีการนำน้ำลงไปเก็บไว้ใต้ดินเหมือนกับต่างประเทศ ซึ่งกำลังทดสอบอยู่ เพราะการนำน้ำไปเก็บไว้ใต้ดินทำให้เกิดความชุ่มชื่น
ซึ่ง กรณีนี้จะดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ ที่ เป็นดินทราย ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกวิธีในการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ ดังนั้น แผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวที่วางไว้ อาจต้องมีการปรับแก้เพราะไม่สามารถรอได้ เนื่องจาก ขั้นตอนต่างๆ ทั้งข้อกฎหมายและการทำประชาพิจารณ์ ทำให้การแก้ปัญหาล่าช้าเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งรัฐบาลกำลังหาแนวทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด
เพราะหลังจากนี้ สภาพอากาศของโลกจะเปลี่บนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น แผ่นดินไหว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า อยากให้เกษตรกรหันไปเลี้ยงสัตว์ แทนการปลูกพืช แม้จะห้ามไม่ได้ แต่พื้นที่ไหนที่ปลูกข้าวแล้วไม่ได้ผล ก็ควรปลูกข้าวไว้แค่รับประทาน แล้วหันไปปลูกอย่างอื่นเพื่อทดแทนรายได้ ซึ่งรายได้อาจจะเพิ่มขึ้น เพราะได้มีการทำมาในหลายพื้นที่แล้ว ใครที่ไม่ได้อยู่ในโครงการ ก็จะต้องพิจารณากันต่อไป เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรนั้นได้แน่นอน เพราะพื้นที่สูงและไม่สามารถหาพื้นที่กักเก็บย้ำได้
ทั้งนี้ ยืนยัน รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น แต่บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสกลนครและภาคใต้ พบว่า พื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่ม เวลาฝนตกจึงทำให้น้ำท่วมทุกปี ดังนั้น ตนจึงมีแนวคิดจะเปลี่ยนพื้นที่รับน้ำหรือแก้มลิงแทน และจะจ่ายค่าชดเชยให้เท่ากับราคาที่เคยปลูกพืช
Matemnews.com 5 สิงหาคม 2560