Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ไอร์แลนด์อายัดทรัพย์ ในบัญชีแบงก์’จุฑามาศ ศิริวรรณ’

ไอร์แลนด์อายัดทรัพย์ ในบัญชีแบงก์’จุฑามาศ ศิริวรรณ’

685
0
SHARE

 

คลิกอ่านข่าว

https://goo.gl/U2TZ2C

https://goo.gl/4s1cW9

 

แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : รัฐบาลไอร์แลนด์สั่งอายัดเงิน 250,000 ยูโร หรือเกือบสามแสนยูเอสดอลลาร์ ที่ลูกสาว “จุฑามาศ ศิริวรรณ” ฝากไว้กับธนาคาร เอชเอสบีซี กรุงดับลิน หลังพิจารณาแล้วเห็นว่าเงินที่ทะยอยฝาก 15 ครั้งมาจากการฉ้อโกงประเทศไทย ไม่ใช่เงินมรดกตามที่อ้าง

 

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2018 เว็บไซต์ ไอริช ซัน ของไอร์แลนด์ รายงานข่าวว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ โดยหน่วยงาน The Ciinal Assets Bureau (CAB) ซึ่งเป็นหน่วยงานรักษากฎหมายที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบและยึดทรัพย์ของอาชญากรในคดีร้ายแรงต่างๆ เป็นการเฉพาะ ได้ทำการอายัด (freeze) เงินจำนวน 250,000 ยูโร หรือประมาณ 291,662 ดอลลาร์สหรัฐฯ ของ น.ส. จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาวของนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ฝากไว้กับธนาคาร เอชเอสบีซี ไลฟ์ บนถนนฮาร์คอร์ท ของเมืองดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2007

 

โดยการอายัดทรัพย์ดังกล่าวนี้ ข่าวบอกว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่ CAB ได้รับข้อมูลจาก เอฟบีไอ ของสหรัฐฯ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของไทย และว่าคำสั่งอายัดทรัพย์ของไอร์แลนด์ มีอายุ 7 ปี ดังนั้นนางจุฑามาศ ศิริวรรณ จะต้องรอจนถึงปี 2022 จึงจะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอให้รัฐบาลไอร์แลนด์ พิจารณาคืนเงินก้อนนี้กับเธอ

 

ข่าวบอกด้วยว่าเงินก้อนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านยูโร ซึ่งอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มาแบบผิดกฎหมาย และถูกรัฐบาลไทยสั่งยึดทรัพย์ โดยส่วนที่เหลือนั้น เชื่อว่ากระจายอยู่ในหลายประเทศ เช่นอังกฤษ สิงคโปร์ เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์

 

โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2017 นางจุฑามาศ ศิริวรรณ วัย 71 ปี ถูกศาลของไทยตัดสินจำคุก 50 ปีจากข้อหารับสินบนจากนักธุรกิจอเมริกัน เพื่อให้ได้สิทธิ์เป็นผู้จัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ และงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อเนื่องกัน 4 ปี โดยนอกจากโทษจำคุกแล้ว เธอยังถูกสั่งยึดทรัพย์ มูลค่า 1.8 ล้านยูโรด้วย แต่เธอและลูกสาวปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการเปิดเผยสถานที่ซุกซ่อนเงินเหล่านี้

 

ข่าวบอกว่าหากนางจุฑามาศ ศิริวรรณ หรือบุตรสาว ไม่สามารถยื่นเรื่องขอเงินคืนได้สำเร็จภายในปี 2020 เงินก้อนดังกล่าวจะถูกยึดเป็นสมบัติของกระทรวงการคลังของไอร์แลนด์

 

ไอริช ซัน อ้างด้วยว่า จากเอกสารของศาล ที่ทางหนังสือพิมพ์ได้รับมา ระบุว่า นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2002-2006 โดยเป็นผู้รับผิดชอบการจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ และว่าในปี 2006 เอฟบีไอ ได้เริ่มต้นสอบสวนนักธุรกิจสองสามีภรรยาในลอส แอนเจลิส คือ เจอรัลด์ กับ แพทริเซีย กรีน ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทย เพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นผู้จัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติต่อเนื่องกันหลายปี ก่อนจะส่งฟ้องด้วยข้อหาฟอกเงิน และตัดสินว่ามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาเมื่อปลายปี 2009 โดยศาลแขวงลอส แอนเจลิส มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกสองสามีภรรยาอเมริกันเป็นเวลา 1 ปี และปรับอีกกว่าสองแสนดอลลาร์

 

ข่าวอ้างเอกสารขอศาลต่อไปว่า หน่วยงาน CAB ไอร์แลนด์ เริ่มต้นสอบสวนเรื่องนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2010 หลังจากได้รับแจ้งจากรัฐบาลไทยว่า อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ทำการโอนเงินสินบนดังกล่าวผ่านบัญชีธนาคารในอังกฤษและไอร์แลนด์ ซึ่งถูกเปิดในชื่อของลูกสาว คือ น.ส. จิตติโสภา ศิริวรรณ ด้วย โดยการเปิดบัญชีธนาคารดังกล่าว น.ส.จิตโสภา อ้างกับทางธนาคารว่าเป็นเงินมรดกของเธอ  ซึ่งภายหลัง ผู้เชี่ยวชาญของ  CAB พบว่า มีการโอนเงินสดผ่านธนาคารในเมืองดับลินแห่งนี้ รวม 19 ครั้ง

 

ทั้งนี้ ข่าวของ ไอริช ซัน ข่าวนี้ถือเป็นความคืบหน้าสุดของคดีอื้อฉาวนี้ หลังจากที่ พล.ต.อ. วัชรพล ประราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงเมื่อเดือนเมษายน 2017 ว่าจะมีการติดตามยึดทรัพย์ นางจุฑามาศ ศิริวรรณ และบุตรสาว ที่ยังมีซุกซ่อน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 5 ประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อติดตามนำทรัพย์กลับคืนให้เร็วที่สุด เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีสินบนข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุด และเป็นคดีแรกของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมถึงให้เป็นคดีตัวอย่างของสังคมไทยในระดับประเทศและระดับโลก ให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงในการขจัดปัญหาการทุจริต ไม่ให้ผู้กระทำผิดหนีรอดจากการลงโทษไปได้ และว่าได้ให้ศูนย์ประสานงานคดีระหว่างประเทศทำงานร่วมกับหน่วยงานของไทย และหน่วยงานในต่างประเทศ โดยมั่นใจว่าจะสามารถเรียกทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศกลับคืนมาสูแผ่นดินไทยได้.

 

 

matemnews.com

20 กันยายน 2561