หลังจากที่ยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วหลายครั้ง ขอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งใหญ่ อันมาจากการเปลี่ยนแปลงกติกา 317/2547 ว่าด้วยเรียกเก็บภาษีรถยนต์หรูนำเข้าจากต่างประเทศ จนถึงขณะนี้ปัญหายังไม่จบ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2561 ชมรมเกรย์มาร์เก็ตไทย จึงยกคณะไปยื่นหนังสือให้พลเอกประยุทธ์อีกครั้ง ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ฝั่ง ก.พ.ทำเนียบรัฐบาล
เรื่อง ขอความเป็นธรรมในการแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์โตโยต้ารุ่นอัลพาร์ด (Toyota Alphard) และรถยนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆ
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าน ท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ด้วยผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นอัลพาร์ด (Toyota Alphard) และรถยนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่างมาก อันเนื่องมากจากการประกอบธุรกิจรถยนต์นำเข้าที่ผ่านมานั้นผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้าได้มีการสำแดงและเสียภาษีศุลกากรอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานการสำแดงราคาและการประเมินภาษีอากรรถยนต์นำเข้าของกรมศุลกากรซึ่งกรมศุลกากรได้กำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศต้องถือปฏิบัติโดยใช้วิธีการให้ยื่นสำแดงราคาเพื่อเสียภาษีตามแนวทางแกตต์(Gatt) ด้วยกัน ๖ วิธี แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมากรมศุลกากรจะใช้เฉพาะวิธีที่ ๑ เท่านั้น คือ ราคาสินค้าที่นำเข้า หมายถึง ราคาซื้อขายที่ผู้ซื้อสินค้าได้ชำระจริงหรือที่จะต้องชำระให้แก่ผู้ขายในต่างประเทศสำหรับของที่นำเข้า ซึ่งได้มีการปรับราคาหรือได้นำมูลค่าหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปรวมด้วย แต่มีข้อยกเว้นให้หักค่าใช้จ่าย ค่าบำรุงรักษา ค่าขนส่ง ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการนำเข้าสำเร็จแล้วได้ ที่สำคัญมีข้อยกเว้น ค่าอากร และค่าภาษีในต่างประเทศ เนื่องจากการนำเข้านั้นผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักออกจากราคาซื้อขายกันจริงได้ทั้งยังสามารถนำค่ารับประกัน ค่าคอมมิชชั่น และค่าใช้จ่ายอื่นมาหักออกจากราคารถยนต์ได้อีกด้วย ดังนั้นราคารถยนต์นำเข้านั้นจึงเป็นราคาที่ผู้ประกอบการหักตัดทอนออกแล้ว และเป็นราคาที่ผู้ประกอบได้จัดสำแดงเพื่อเสียภาษี และเป็นราคาที่สอดรับกับราคาในระบบอินทราเน็ต (intranet)ของกรมศุลกากร ซึ่งผู้ประกอบการจะกล่าวต่อไป ดังนั้น ราคาสินค้าที่นำเข้าจะถือตามราคาที่บุคคลอื่นทราบกันอยู่ทั่วไปหรือราคาที่โรงงานต่างประเทศได้ออกเอกสารใบอินวอยส์แล้วไม่ได้ เพราะราคาตามอินวอยส์หรือราคารถยนต์ตามเอกสารอินวอยส์จากต่างประเทศนั้น จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าอากรภาษีในต่างประเทศ ค่ารับประกัน และค่าคอมมิชชั่นซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้หักตัดทอนออกรวมอยู่ด้วยเสมอ
นอกจากหลักเกณฑ์ดังกล่าว ยังมีราคาที่ปรากฏในระบบอินทราเน็ต (intranet) ของกรมศุลกากร ซึ่งอธิบดี
กรมศุลกากร ได้ออกคำสั่งที่ ๖๙/๒๕๕๓ ให้เจ้าหน้าที่ในกรมศุลกากรถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดในการรับราคาของรถยนต์นำเข้าเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ราคาที่ปรากฏในระบบอินทราเน็ต (intranet) จึงเป็นข้อมูลราคาของกรมศุลกากร สำหรับใช้ตรวจสอบอ้างอิงในการกำหนดราคาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศและสามารถตรวจสอบควบคุมได้ ปรากฏตามคำสั่งและบันทึกข้อความกรมศุลกากรให้ถือปฏิบัติ เอกสารหมายเลข ๑ โดยราคาดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบราคาจากหลายหน่วยงานของกรมศุลกากรและยังได้ผ่านหลักเกณฑ์แนวทางการพิจารณาราคารถยนต์นั่งสำเร็จรูป ตามคำสั่งกรมศุลกากรที่ ๓๑๗/๒๕๔๗ รวมทั้งหลักเกณฑ์คำสั่งต่างๆของกรมศุลกากรที่ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ดำเนินการหรือถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์คำสั่งต่างๆของกรมศุลกากรที่ได้กำหนดขึ้นนั้นเป็นสำคัญ ปรากฏตามคำสั่งศุลกากรที่ ๓๑๗/๒๕๔๗หมายเลข ๒
ในการนำเข้ารถยนต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมากรมศุลกากรจะตรวจสอบราคารถยนต์นำเข้าในระบบอินทราเน็ต (intranet) ว่ารถยนต์ ยี่ห้อ ชนิด รุ่นเดียวกัน ได้เคยมีการสำแดงราคาและเสียภาษีรถยนต์นำเข้ามาแล้วไม่เคยมีปัญหาใดๆ กรมศุลกากรก็จะยอมรับราคาดังกล่าวนั้นเป็นราคาของกรมศุลกากรและถือเป็นข้อกำหนด เพื่อให้ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันและมีความเสมอภาคกัน กล่าวคือผู้ประกอบการเคยเสียภาษีมาแล้วอย่างไรผู้ประกอบรายอื่นก็ต้องเสียภาษีและได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นกรมศุลกากรจึงได้รับราคาให้ผู้ประกอบการเสียภาษีและใช้ราคาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวในการประเมิน เมื่อผู้ประกอบการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และชำระภาษีครบถ้วนแล้วกรมศุลกากรจึงออกใบรับรองการนำเข้า (แบบที่ ๓๒.) ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้นำรถยนต์นำเข้าไปจำหน่ายแก่ลูกค้าผู้บริโภคในท้องตลาดหรือนำไปจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบก และเป็นรถยนต์ที่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้แล้ว กรมศุลกากรจะมีศูนย์ควบคุมมาตรฐานการสำแดงราคาและการประเมินภาษีอากรรถยนต์นำเข้า เพื่อตรวจสอบราคาที่ผู้ประกอบการสำแดงราคามาในระบบอินทราเน็ต (intranet) ข้างต้น เพื่อทำการตรวจสอบเปรียบเทียบกับราคารถยนต์นำเข้าตามยี่ห้อ รุ่น ชนิดเดียวกันที่มีการเสียภาษีมาก่อน การดำเนินการขั้นตอนหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้น ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการ เพราะผู้ประกอบการต่างๆ จะต้องเสียภาษีที่ไม่แตกต่างจากกัน เนื่องจากได้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน การประกอบธุรกิจรถยนต์นำเข้าที่ผ่านมา และการกำหนดราคาของกรมศุลกากรจึงไม่เป็นการเลือกปฏิบัติมีความเท่าเทียมเสมอภาคกันเป็นธรรมทุกฝ่าย ตัดปัญหาทุจริตต่างๆออกไปด้วย และเป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถตรวจสอบควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้กันมานานหลายปี ต่อมากรมศุลกากรกลับปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินภาษีดังกล่าวข้างต้น ทั้งยังเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง โดยการออกแบบแจ้งการประเมินภาษีให้ผู้ประกอบการชำระภาษีที่ชำระไปแล้วในคราวเดียวเป็นจำนวนมากในหลายบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการ และเป็นการออกแบบแจ้งการประเมินก่อนที่จะมีการยกเลิกพระราชบัญญัติศุลกากร พระราชบัญญัติสรรพาสามิต ฉบับเดิม เพียง 3 – 5 วันเท่านั้น เพราะกรมศุลกากรต้องการที่จะนำกฎหมายเดิมมาใช้บังคับกับผู้ประกอบการ ก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลใช้บังคับ ทั้งการประเมินก็ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการประเมิน ไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้าการประเมินภาษีของกรมศุลกากรจึงไม่ชอบ และไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ รายละเอียดปรากฏตามแบบแจ้งการประเมินย้อนหลังบางส่วนเป็นตัวอย่างตามเอกสารแนบท้ายหมายเลข ๓นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินภาษีและการออกแบบแจ้งเก็บภาษีย้อนหลังของกรมศุลกากรดังกล่าวนั้น เป็นการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่ได้รับจากหน่วยงานอื่นซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประเมินภาษีอากรมาดำเนินการ จึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบการที่จะต้องเสียภาษีย้อนหลังซ้ำซ้อนกับภาษีที่ได้ชำระไปแล้วเป็นระยะเวลานานกว่า 6 ปี ซึ่งเกินความสามารถที่ผู้ประกอบการจะชำระและปฏิบัติตามได้ อีกทั้งผู้ประกอบการยังจะต้องถูกดำเนินคดีจากการประเมินภาษีที่ไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ประกอบการนำเข้าอย่างรุนแรง รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ปัจจุบันผู้บริโภคขาดความมั่นใจในการซื้อขายรถยนต์นำเข้า ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีการนำเข้ารถยนต์เป็นเงินจำนวนปีละหลายหมื่นล้านบาท เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เพราะแทนที่รัฐจะได้รับชำระภาษีจากผู้ประกอบการ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ กลับทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ที่จะนำไปพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ การที่กรมศุลกากรปรับเปลี่ยนนโยบายและออกแบบแจ้งประเมินให้ผู้ประกอบการชำระภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมาก นับว่าไม่มีความเป็นธรรมและมีเจตนาทำให้เกิดความเสียหายกับผู้ประกอบการและผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมศุลกากรก็ไม่มีมาตรการหรือแนวทางใดๆ ในการแก้ไขปัญหาที่จะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการจำนวนมากได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนี้โดยที่ไม่มีการเยียวยาหรือดำเนินการอย่างใดๆ ความเสียหายก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ ขอกราบเรียนยืนยันต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ว่าการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศนั้น ผู้ประกอบการได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วิธีการ และธรรมเนียมปฏิบัติของกรมศุลกากรอย่างถูกต้องทุกประการมากว่าสิบปี โดยราคาที่ผู้ประกอบการได้สำแดงตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้นเป็นราคาตามกลไกตลาดที่ถูกต้อง เป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกัน ลดการผูกขาดในตลาดการค้า ดังนั้นกรมศุลกากรควรจะยึดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินราคาตามหลักเกณฑ์ที่เคยยึดถือปฏิบัติกันมาแต่เดิมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงกราบเรียนขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้โปรดใช้อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายและความไม่เป็นธรรมดังกล่าวโดยมีบัญชาให้กรมศุลกากรนำมาตรการตามคำสั่งที่ ๓๑๗/๒๕๔๗ และคำสั่งที่ ๖๙/๒๕๕๓ กลับมาใช้กับรถยนต์นำเข้าทุกยี่ห้ออีกครั้งตามเดิมและขอท่านได้โปรดยกเลิกเพิกถอนแบบแจ้งการประเมินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของกรมศุลกากรพร้อมยุติการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรถยนต์นำเข้าที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงเสร็จสิ้นไปอย่างเร่งด่วน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จักเป็นพระคุณอย่างสูง
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน
ประธานชมรมผู้ประกอบการนำเข้ารถยต์อิสระ
matemnews.com
25 กันยายน 2561
