Home ข่าวทั่วไปรอบวัน การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึง จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการเอาเปรียบกันอย่างสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึง จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการเอาเปรียบกันอย่างสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

881
0
SHARE

 

 

 

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย   แถลงแก่ผู้สื่อข่าสวเมื่อเช้าวันที่ 30 ก.ย.2561 ว่า ตนรอดูว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้จะไปเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐตามข่าวหรือไม่ แล้วก็เป็นความจริง มีรัฐมนตรี 4 ท่านไปเป็นผู้บริหารในพรรคพลังประชารัฐ และ 2 ใน 4 ท่านได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ นายอุตตม สาวนายน รมว. อุตสาหกรรม ไปเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ไปเป็นเลขาธิการพรรค ไม่เป็นเรื่องแปลก หากจะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลไปดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองควบคู่ไปด้วย  แต่ที่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งก็คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  โดยมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมประเทศ ทั้งก่อนเลือกตั้ง   ระหว่างเลือกตั้ง   และหลังเลือกตั้ง จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ โดยที่พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนรม.ให้ได้ยินไปทั้งประเทศ  พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนได้เสียในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  โดยมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือดังกล่าว และถือได้ว่าเป็นผลประโยชน์ขัดกันอีกประเด็นหนึ่ง  ทั้งยังขัดกับจรรยาบรรณทางการเมือง ที่มีการเอาเปรียบกันในการแข่งขันทางการเมือง ซึ่งถือว่าไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง  ถ้าจะเปรียบให้เห็นง่ายๆ เหมือนการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านดังกล่าว เป็นทั้งนักกีฬาและเป็นกรรมการด้วย รู้ถึงไหนก็อายถึงนั่น ดังนั้น การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึง จะเป็นการเลือกตั้งที่มีการเอาเปรียบกันอย่างสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

 

นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย  แถลงข่าวแก่ผู้สื่อข่าว ว่า  การเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐชัดเจนดีไม่ต้องเสียเวลาแอบหลบแอบซ่อนให้มันยุ่งยาก  ตัวเป้งๆแม้ยังไม่ชื่อในพรรค แต่ไม่ไปไหนแน่ 3 คนคงเข้าไปอยู่ในชื่อนายกรัฐมนตรี  ที่พรรคจะเสนอ ก็ทำเป็นไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคพอเป็นพิธีไปเท่านั้น เพราะต้องเป็นอีแอบขนานแท้ไปก่อน ดี เป็นพรรคการเมือง ให้พี่น้องตัดสินใจเลือกว่า จะสนับสนุนรัฐที่คิดจะสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ เชิญพวกท่านใช้ทุกอำนาจที่มีในการทำงานให้คณะพวกท่าน แต่ประชาชนก็รู้เท่าทันพวกท่านเหมือนกัน  รัฐบาลประยุทธ์ เข้ามาบริหารภายใต้คำพูด มาแก้ไขความขัดแย้ง เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แต่ท่านกลับมาสร้างเงื่อนไขทางการเมืองมากมาย ตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญ ที่สร้างความได้เปรียบทุกเรื่องที่จะต่อยอดอำนาจให้คณะของท่าน ท้ายสุดที่รังเกียจนักการเมือง ท่านก็ให้ไพร่พลตามหาตามดูดนักการเมืองเพื่อเข้ามาเป็นฐานรองรับให้คณะของท่าน บางคนเป็นอดีต ส.ส.บางคนเป็นนายก อบจ.ที่โดน ม.44  บางคนก็ปลด ม.44 ให้ไปทำงานต่อ บางคนก็ใช้ ม44 ตั้งไปเป็นใหม่ สารพัดที่จะใช้อำนาจจนหาขอบเขตไม่ได้ แบบนี้เขาเรียก ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาหรือไม่  บางครั้งรู้สึกหดหู่ ท้อใจ อับจนปัญญาที่จะให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะ ทางออกประเทศจากปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ เพราะฝ่ายบริหารในปัจจุบันไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วยซ้ำว่าความยุติธรรมคืออะไร หากบ้านเมืองขาดความยุติธรรมแล้วจะเป็นอย่างไร คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรจะได้อยู่ในอำนาจต่อ จึงรู้สึกเหนื่อยหน่าย เอือมระอา แต่เมื่อกลับไปพบชาวบ้านซึ่งลำบากมากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งลูกหลานที่จบการศึกษามาแล้วตกงานกันจำนวนมาก  ล้วนให้กำลังใจให้เป็นส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้าน อย่างน้อยก็ช่วยจุดประกายไฟเล็กๆ ในใจประชาชนให้คนไทยที่รักความเป็นธรรมได้เห็น ได้ทราบความจริงเพื่อการตัดสินใจทางการเมือง  ขณะนี้ผมเลิกหวังสปิริตจากรัฐบาลนี้   เพราะพฤติกรรมฟ้องประชาชนและชาวโลกโจ่งแจ้ง เขายังไม่รู้สึกละอายใดๆ ต่อการเอาเปรียบทางการเมือง  เนติบริกรก็หาช่องว่างทางกฎหมายคอยแก้ตัวให้ข้างๆ คูๆ เอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ จึงหวังจากประชาชนที่จะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะอย่างถล่มทลายเมื่อการเลือกตั้งมาถึง   ที่หวังเช่นนี้เพราะคนไทยได้สัมผัสความจริงมาแล้วว่า 4 ปีที่รัฐบาลนี้ได้บริหารประเทศ สภาพเศรษฐกิจในครอบครัวของแต่ละครอบครัวเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากลำบากไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจ ปากท้อง จะเป็นปัจจัยกำหนดผู้บริหารประเทศ

 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์   แถลงแก่นักข่าว ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายเพราะทั้ง 4 ท่านมีความใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพล.อ.ประยุทธ์ และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ตั้งพรรคเพื่อรองรับการทำงานการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีการปฏิเสธเรื่องนี้ แต่สังคมและวิญญูชนสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ รัฐมนตรีทั้ง 4 คน หรือท่านใดที่ยังอยู่ในรัฐบาลต้องถึงระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง เพื่อปูทางไปสู่การหาคะแนนนิยมให้กับตัวเองและพวกพ้อง   ใกล้จะมีการเลือกตั้ง เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย จึงต้องทำให้การเลือกตั้งได้รับการยอมรับจากสังคมทุกภาคส่วน  เพราะฉะนั้นการกระทำของผู้มีอำนาจในการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิชอบ การใช้อำนาจ แทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ หรือ แสวงหาความนิยมในรูปแบบต่าง  ผ่านเครือข่ายข้าราชการ จะส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง เพราะจะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ  ส่วนที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น   ผมเห็นว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ จึงเสียดายที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับประชาธิปัตย์ต่อ แต่การตัดสินใจการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล จึงขออวยพรให้โชคดีในการทำงานทางการเมืองต่อไป อย่างไรก็ตามไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในกทม.และพื้นที่อื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมเข้ามาทำงานการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นตัวตายตัวแทนคนที่ออกจากพรรคไป เพราะเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ความสามารถ และประสบความสำเร็จในชีวิตมาระดับหนึ่ง พร้อมร่วมอุดมการณ์กับประชาธิปัตย์ เพื่อนำนโยบายไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป ทั้งนี้หากเปรียบเทียบจำนวนอดีตส.ส.ที่ออกไปกับอดีตส.ส.ที่มีทั้งหมดจะเห็นว่าเป็นส่วนน้อย แต่ส.ส.ส่วนมากยังร่วมงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป

 

matemnews.com 

30 กันยายน 2561