นายพานทองแท้ ชินวัตร ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อเช้าวันที่ 10 ต.ค.2561 เพื่อหัวคำสั่งอัยการฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฟอกเงินปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยตามไปให้กำลังใจหลายคน ปรากฏว่า อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท คดีทุจริตอนุมัติสินเชื่อ ธ.กรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร
จะฟ้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5,9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4
ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี
สำหรับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งความเห็นส่วนนี้อัยการก็จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ อย่างไร
ในส่วนของนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็เป็นไปตามความเห็นดั้งเดิมของพนักงานสอบสวนตั้งแต่ต้น
นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีนี้ กับนายวันชัย หงษ์เหิน สามีผู้ต้องหาที่ 3 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องฐานฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินโดยบุคคลทั้งสอง ตามสำนวนการสอบสวนก็กล่าวหาเฉพาะการรับเช็ค 26 ล้านบาทเท่านั้น การสั่งคดีของอัยการส่วนนี้จึงครบถ้วนแล้ว
ในวันนี้ อัยการก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อไป
matemnews.com
10 ตุลาคม 2561