หลังเกิดกระแสสังคมในโซเชียลอย่างเชี่ยวกรากถล่มการที่ครม.มติมติตามการเสนอของพระทรวงเกษตรฯ อนุมัติร่าง พ.ร.บ.หมาแมว โดยคนเลี้ยงจะต้องเสียค่าทำเนียบให้หน่วยราชการ 450 บาท ทำให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯแถลงแก่นักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 11 ต.ค.2561 ว่า
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ดังนั้นเมื่อเป็นเจ้าของร่างจึงควรชี้แจงรายละเอียดให้กับสังคมได้รับทราบ แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังต้องพิจารณาปรับแก้อีกมากและต้องใช้เวลานาน ไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทันทีทันใด ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงเหมือนกัน และนายกรัฐมนตรีได้กำชับด้วยว่า หากต้องการจัดระเบียบคนที่ชอบเอาหมาแมวมาเลี้ยงด้วยความเมตตา 20-30ตัว เต็มบ้านไปหมดจนทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนรำคาญและมีปัญหา นายกเป็นห่วงเหมือนกันว่า ถ้าจะต้องไปควบคุมว่าต้องเลี้ยงไว้กี่ตัว เลี้ยงไม่เกินกี่ตัวถึงจะต้องเสียภาษี และต้องขออนุญาตนั้นเขาจะต้องหาที่ไปปล่อย แล้วใครจะดูแล กทม. ดูแลไหวหรือไม่ ท้องถิ่นดูแลไหวหรือไม่ กระทรวงเกษตรดูแลไหวหรือไม่ ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นปกติเพราะเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติดังกล่าวแล้วจะต้องส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณา และยังต้องส่งไปสภาอีกยาวนาน ยังไม่ได้บังคับใช้ ในที่ประชุมครม.ไม่มีรัฐมนตรีท่อนอื่นแสดงความคิดเห็น เพราะไม่มีใครเดือดร้อนเนื่องจากเห็นว่าเรื่องยังต้องถูกส่งไปกฤษฎีกาพิจารณา และยังต้องมีการรับฟังความคิดเห็นก่อนด้วย ก่อนแล้วจึงส่งกลับเข้ามาครม.อีกครั้ง ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนและคาดว่าไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงให้คณะรัฐมนตรีได้เข้าใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองที่เป็นคนพูดว่า อาจจะมีปัญหานะ ขอให้ไปดูที่กฤษฎีกาให้ดีว่า โทษเป็นอย่างไร และระบบการอนุญาตตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุอยู่ว่า ไม่ให้ใช้ระบบอนุญาตโดยไม่จำเป็น นายกฯบอกว่า มีกฎหมายจัดระเบียบเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังอย่าให้เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะคนที่เขาเมตตาสัตว์ เลี้ยงสัตว์และนำสัตว์มาไว้จำนวนมากเพื่อดูแลจากการทิ้งขว้าง ตรงนี้โอเคว่า ปัญหาผลกระทบมันมี อาจทำให้เพื่อนบ้านรำคาญ เดือดร้อนเพราะหมาแมวส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว และที่สำคัญอาจเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคหากมีการดูแลไม่ดี หรือจนกระทั่งต้องไปขอรับบริจาคอาหาร จะต้องระวังผลกระทบ แต่คล้ายกับว่าถ้ามีมากเกินไปจึงจะต้องถูกควบคุมตามกฎหมายนี้ แต่ปัญหาว่าจะต้องมากขนาดไหน และถ้าหากคนไม่อยากเลี้ยงแล้วเพราะเห็นว่าเป็นภาระหนัก แล้วเขาจะเอาไปไหน ถ้าเขาจะเอาไปปล่อยวัดเดี๋ยวก็จะยุ่งกันใหญ่ ต้องมีหน่วยราชการมารองรับสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย นายกฯก็บอกไว้แค่นั้น”
นักข่าวถามว่า กฎหมายนี้ต่อเนื่องมาจาก นายกรัฐมนตรี เคยให้ความสงสารสุนัขจรจัดที่ระยองหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า
“ผมไม่ทราบ แต่นายกเคยปรารภเรื่องดังกล่าวมาไม่นาน ส่วนกฎหมายนี้ ไม่สามารถเนรมิตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่น่าจะใช่เรื่องสืบเนื่อง ผมเองที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขอยู่หนึ่งตัว แต่เมื่อดูแล้วเชื่อว่ามันคงตายก่อนที่กฎหมายจะออก”
นักข่าวถาถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ถ้าสังคมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้แล้วครม. ต้องพิจารณาถอนมติครม. ดังกล่าว นายวิษณุ ตอบ
“ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายฉบับ เนื่องจากเมื่อเข้ากฤษฎีกาแล้วมีการแก้ไขมาก ทางกระทรวงจึงเห็นว่าหากแก้ไขมากอย่างนี้ก็ไม่เอาดีกว่า อย่างนี้ก็มีมาแล้ว ความจริงเรื่องนี้ถือเป็นเจตนาดีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่บางครั้งเราก็พูดกันไปโดยยังไม่ทันได้เห็นตัวกฎหมาย ดังนั้นจึงอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องชี้แจงกับกฤษฎีกา จำไว้ว่ามาตรา 77 ไม่ใช่เป็นมาตราที่มีไว้เพียงแค่ฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเดียวแต่ ยังบอกไว้ในวรรค2 วรรค3 ด้วยว่า ไม่มีการออกกฎหมายที่ต้องไปขออนุญาต เว้นแต่จะชี้แจงความจำเป็นได้ว่าทำไม ไม่มีกฎหมาย ที่ตั้งกรรมการสารพัดเพื่อถ่วงเรื่องให้เสียเวลาเหลือเกิน และจะต้องไม่กำหนดโทษที่หนักเกินสมควร และถ้าจำเป็นมาตรา 77 ก็กำหนดไว้ประโยคแรกว่า รัฐพึงตรากฎหมาย เพียงเท่าที่จำเป็น ดังนั้นคำถามแรกคือจำเป็นอย่างไรจึงจะต้องออกกฎหมายนั้น ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ตีกลับไป มีกฎหมายหลายฉบับที่กฤษฎีกาเห็นว่าไม่ต้องออก”
matemnews.com
11 ตุลาคม 2561