พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2561 ประเด็น กระแสตอบรับภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดช่องทางโซเชียลทั้งเพจเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ มาเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ว่า
“คาดว่าผลตอบรับเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการคือ การสื่อสารกับประชาชนโดยตรง เพราะที่ผ่านมาในช่วงกว่า 4 ปี ในการปฏิบัติภารกิจอะไรก็ตามของนายกฯ ส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารผ่านตัวกลาง ดังนั้นการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย นายกฯจะได้ติดต่อกับประชาชนโดยตรงมากขึ้น และได้รายงานข้อมูลข่าวสารและภารกิจต่างๆ โดยเฉพาะล่าสุดในการเดินทางไปเบลเยียม ประชาชนก็ได้เห็นว่านายกฯ ได้ทำอะไรและหารือกับใครบ้าง แม้กระทั่งภาพรับประหารอาหารเช้าร่วมกับภริยา ในชุดเสื้อยืดสบายๆ ซึ่งปกติเราไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่านายกฯ ไปทำอะไรบ้าง ก็จะได้เห็นว่านายกฯ ก็มีชีวิตธรรมดา เรียบง่ายเหมือนคนทั่วไป ขณะเดียวกันยังมีภาพภารกิจอื่นๆ ตลอดทั้งวัน และมีผู้นำหลายประเทศเข้าพบหารือกับนายกฯ ซึ่งภารกิจทั้งหลายนี้ก็บ่งบอกว่า สิ่งที่ใครเคยพูดว่าประเทศที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครคบหาด้วยนั้นไม่จริง แต่ผมเองไม่ได้หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องเลือกตั้ง เพียงแค่อธิบายว่าการเดินทางไปสู่โรดแม็พเลือกตั้ง เราก็ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากต่างประเทศ การแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และมีหลายความเห็นที่เป็นเชิงโจมตีหรือทวงถามความคืบหน้าหลายคดีความที่เกี่ยวกับคนในรัฐบาลชุดนี้ว่า การแสดงความเห็นถือเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ว่าใครเปิดอะไรก็แล้วแต่ในโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือแม้แต่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และคนอื่นๆ ก็จะเจอคอมเม้นต์ทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย ขึ้นอยู่กับเราจะหยิบยกประเด็นไหนขึ้นมามอง แต่หากคนที่ไม่เห็นด้วย บางครั้งจะชี้แจงอะไรก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี แต่บางคนเปิดใจรับฟังก็อาจเห็นด้วย ดังนั้นความเห็นทั้งหลายขออย่านำมาเป็นอารมณ์ ขณะเดียวกันนายกฯ เคยสั่งการว่า ให้หน่วยงานต่างๆ ติดตามเรื่องเหล่านี้ และพิจารณาว่าทำงานตอบโจทย์ที่ประชาชนมาคอมเม้นต์มาหรือไม่ ถ้ายังก็ต้องปรับแก้ไข นายกฯ อธิบายตั้งแต่แรกว่าเปิดโซเชียลเพื่อติดต่อกับประชาชนด้วยเหตุอะไร ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอะไรที่ต้องการให้ผู้นำของประเทศไปพิจารณาแก้ไข ก็ต้องเป็นข้อมูลที่อยู่ในพื้นฐานความจริง อย่าเอาอคติเป็นที่ตั้ง เพราะจะกลับสู่วงเวียนความขัดแย้งเดิมๆ ที่หากไม่ใช่กลุ่มฉัน ฉันก็จะค้านทุกเรื่อง แต่ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันฉันก็จะเห็นด้วยทุกเรื่อง แต่ถ้าเอาข้อมูลที่เป็นความจริงก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้”
matemnews.com
20 ตุลาคม 2561