พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กลับมาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 26 ต.ค.2561 มีนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล ให้การต้อนรับที่หน้าตึกนารีสโมสร หารือกันนานประมาณ 10 นาที แล้วเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในช่วงที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนใน ปี 2562 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม ณ ตึกภักดีบดินทร์
เลิกประชุมแล้ว พล.ท.สรรเสริญ ได้ออกมาถ่ายรูปกับข้าราชการสำนักงานโฆษกรัฐบาล ที่หน้าคึกนารีสโมสร และถ่ายรูปกับคระนักข่าวสายประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นการอำลา
ด้าน นายพุทธิพงษ์ แถลงแก่นักข่าวหลายประเด็น ว่า การได้มาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งเป็นความประสงค์ของพล.ท.สรรเสริญ ที่อยากไปทำงานเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เต็มตัว ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพล.ท.สรรเสริญทราบดีว่าเขาต้องไปทำงานตรงนั้น ในช่วงที่ผ่านมา เขาวิ่งไปวิ่งมาในการทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลกับกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ต.ค. พล.ท.สรรเสริญบอกตนว่า จะไปเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เต็มตัว โดยตนจะเป็นรักษาการโฆษกรัฐบาลไปพลางก่อน แต่หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าให้ตนทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลเต็มตัวไปเลย โดยจะเร่งสร้างเครือข่ายเปิดช่องทางการสื่อสารให้มากขึ้น สื่อโซเชียลต่างๆที่ได้เปิดตัวไปแล้วก็มีเทคนิคที่ให้ใช้งานได้มาก เราคาดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ที่กำลังเดินตามโรดแม็พไปสู่การเลือกตั้ง และจะมีการปลดล็อกทางการเมือง คงจะมีประเด็นจากฝ่ายการเมืองในหลายพรรคนำมาโจมตีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างดุเดือด หรืออาจเกิดข่าวเชิงลบ ข่าวที่เป็นจริงและข่าวที่ไม่เป็นความจริงออกมามากขึ้น เราจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานเชิงรุก โดยอาจต้องเร่งสื่อสารผ่านช่องทางสื่อมวลชนปกติ และสื่อโซเชียลต่างๆในการชี้แจงและนำเสนอข้อมูลข่าวสารมากขึ้นและเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนทราบว่าข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องนั้นๆเป็นอย่างไร เพราะเราเห็นว่าการที่ประชาชนได้รับข้อมูลครบถ้วนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะต้องมีการติดตามการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงว่ามาจากที่ไหน ใครเป็นผู้เผยแพร่ และถ้ามีการให้ร้ายต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก เราต้องตอบโต้ และใช้ขั้นตอนตามกฎหมายไปดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการดังกล่าว การที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น ทีมงานพยายามร้องขอความร่วมมือให้ใช้ถ้อยคำสุภาพ แต่ถ้ามีการใช้คำที่หยาบคายมากๆ เราจะลบข้อความนั้นออกไป เพราะมีเด็กเยาวชนที่เข้ามาอ่าน อาจนำไปเป็นตัวอย่าง ขณะเดียวกันมีบางคนที่กระทำการอย่างนั้นเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือสิ่งอื่นใดก็ได้ เมื่อ 2 วันที่แล้ว เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของนายกฯได้รับการอนุมัติให้เพจและทวิตเตอร์ที่ถูกต้องและเป็นฉบับทางการแล้ว ดังนั้นถ้ามีใครทำปลอมขึ้นมา เราสามารถใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ไปจัดการได้ นายกฯอ่านทุกข้อความเอง ไม่ได้มีใครกลั่นกรองให้ก่อน ในวันแรกๆที่เริ่มเปิดตัวเฟซบุ๊กของนายกฯ ตนกังวลว่า นายกฯอ่านแล้วจะไม่เคยชินกับถ้อยคำที่รุนแรงหรือหยาบคาย แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง นายกฯสามารถผ่านไปได้ ขณะเดียวกันเริ่มมีการพูดถึงปัญหาของประชาชนมากขึ้น ข้อเสนอหรือข้อแนะนำที่ดีๆและเป็นประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น เราจึงเริ่มใช้วิธีไปดูข้อเสนอหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำให้มองข้ามผ่านข้อความที่ไม่เป็นประโยชน์ไปได้ ตนมองว่าความสมดุลระหว่างการแสดงความคิดเห็นต่างๆเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น นายกรัฐมนตรีเข้าไปตอบความคิดเห็นต่างๆในนั้นมากขึ้น ส่วนข้อความที่เป็นการร้องเรียน นายกฯได้รับมาและสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้ พร้อมกับตอบกลับไปยังผู้ที่แจ้งเรื่องเข้ามาให้ทราบว่าได้จัดการให้แล้ว ถือเป็นการแก้ปัญหาต่างๆได้เร็วขึ้นด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ การให้นายกฯรัฐมนตรีจัดไลฟ์สดทางเฟชบุ้คกำลังเตรียมอยู่ และต้องดูว่าจะเป็นการออกมาพูดในประเด็นอะไร รูปแบบเป็นอย่างไร เราต้องใช้ทุกช่องทางให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ช่องทางสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นสิ่งที่ประชาชนใช้จนคุ้นชินอยู่แล้ว เราแค่ลงไปใช้ช่องทางการสื่อสารที่ประชาชนสะดวก
matemnews.com
26 ตุลาคม 2561