Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ปธน.”สี จิ้นผิง” ปราศรัยในงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน 2018

ปธน.”สี จิ้นผิง” ปราศรัยในงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน 2018

535
0
SHARE

วันที่ 5 พฤศจิกายน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นประธานในพิธีเปิด งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน หรือ China International Import Expo (CIIE) ครั้งที่ 1 ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผู้นำ ผู้บริหาร ผู้นำองค์กร ผู้ประกอบการจากกว่า 172 ประเทศ  ตลอดจนวิสาหกิจกว่า 3,600 รายเข้าร่วมงานครั้งนี้ โดยมีผู้ซื้อกว่า 4 แสนรายเข้าร่วมงานด้วย  ในการเปิดงานประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่สร้างสรรค์และเปิดกว้าง” และ กล่าวแสดงความยินดีที่มิตรประเทศต่างๆได้ร่วมกันคว้าโอกาสจากการพัฒนาของจีน กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และบรรลุซึ่งความรุ่งเรืองและความก้าวหน้าร่วมกัน

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า งานครั้งนี้เป็นงานมหกรรมเกี่ยวกับ การนำเข้าสินค้าระดับชาติครั้งแรกของจีนและถือเป็นงานสำคัญในระดับโลก งานนี้จึงเป็นความคิดริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นนโยบายสำคัญที่จีนผลักดันการเปิดประเทศรอบใหม่ เป็นมาตรการสำคัญที่จีนเปิดตลาดกับโลก แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่สนับสนุนระบบการค้าพาหุภาคีและผลักดันการพัฒนาการค้าเสรีมาโดยตลอดของจีน เป็นการลงมือปฏิบัติให้บรรลุผลได้จริงในการผลักดันงานสร้างสรรค์เศรษฐกิจโลกแบบเปิดตลาด พร้อมไปกับสนับสนุนโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ

 

นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ประเทศต่างๆมีความกล้าหาญมากขึ้น ในการผลักดันความร่วมมือ เชื่อมโยงการติดต่อค้าขาย สู่ภายนอกและกระชับความร่วมมือเพื่อพัฒนาร่วมกัน โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนอย่างลึกซึ้ง แต่แนวคิดกีดกันทางการค้า และเอกภาคีนิยมเริ่มมีมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจแบบโลกาภิวัตน์ต้องมาประสบอุปสรรคขัดขวาง แนวคิดพหุภาคีและระบบการค้าเสรีกลับถูกผลกระทบ อีกทั้งปัจจัยที่ไม่มั่นคงและไม่แน่นอนยังมีมากมาย ดังนั้นจึงทุกภาคส่วนต้องเข้าใจในกฎเกณฑ์ รับรู้สถานการณ์ภาครวม เพื่อให้มีความมั่นใจในการร่วมมือและเปิดสู่ภายนอก ร่วมกันรับมือกับความเสี่ยงและการท้าทายต่างๆ

นายสี จิ้นผิงเน้นว่า เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์เป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่มิอาจฝืนได้ การร่วมมือกันและเปิดสู่ภายนอกเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเพิ่มพลังชีวิตให้กับเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ สอดคล้องกับความต้องการของการพัฒนาเศรษฐกิจโลกอย่างมั่นคง เป็นความต้องการแห่งยุคสมัยอันจะนำไปสู่การส่งเสริมการพัฒนาก้าวหน้าของสังคมมนุษย์  จีนจะเพิ่มเขตทดลองการค้าเสรีแห่งใหม่ของนครเซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้นครเซี่ยงไฮ้ เป็นตัวอย่างของการสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการลงทุนและการค้าแบบเสรี ที่สามารถเลียนแบบและเผยแพร่ใช้ได้ทั่วประเทศ สร้างบอร์ดนวัตกรรมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและระบบทดลองการลงทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ สนับสนุนการสร้างสรรค์ศูนย์การเงินสากลและศูนย์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่นครเซี่ยงไฮ้ สนับสนุนเขตสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำแยงซีที่รวมถึงนครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจ้อเจียงและมณฑลเจียงซู ให้พัฒนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวเดียวกัน และยกระดับเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ  ประสานงานให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” รวมถึง ยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมกันของกรุงปักกิ่ง-นครเทียนจิน-มณฑลเหอเป่ย ยุทธศาสตร์การพัฒนาแถบเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี และยุทธศาสตร์การสร้างสรรค์เขตอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า

 

นายสี จิ้นผิงระบุ “การเปิดประเทศ” เป็นสัญลักษณ์ของ “ความเป็นจีนยุคใหม่” โดยกล่าวว่า  นับตั้งแต่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นเวลา 40 ปี ก็ได้ยืนหยัดการเปิดประเทศและให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ อันนำไปสู่การบรรลุซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ปิดประเทศและกึ่งปิดประเทศไปเป็นการเปิดประเทศอย่างทั่วด้าน การเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องของจีนนี้ได้พัฒนาตัวเองและนำความผาสุขมาสู่โลกด้วย จีนจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการผลักดันต่อยุทธศาสตร์การเปิดประเทศไปสู่ระดับใหม่ ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และการสร้างสรรค์อนาคตร่วมกันของมวลมนุษย์ด้วย

 

นายสี จิ้นผิง ระบุต่อไปว่า คาดว่าภายใน 15 ปีข้างหน้า จีนจะมีการนำเข้าสินค้าและการบริการต่างๆ เป็นมูลค่ามากกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ โดยจีนจะเพิ่มระดับการเปิดสู่ภายนอกใน 5 ด้านคือ กระตุ้นศักยภาพการนำเข้า ผ่อนคลายการอนุมัติเข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศการทำธุรกิจในระดับชั้นหนึ่งของโลก สร้างฐานการเปิดความร่วมมือสู่ภายนอกใหม่ และการส่งเสริมความร่วมมือแบบพหุภาคีและทวิภาคี  จีนจะใช้มาตรการต่างๆ รวมถึงจะลดภาษีศุลกากรให้ต่ำลงอีก ลดต้นทุนเชิงระบบในขั้นตอนการนำเข้าให้ต่ำลง เร่งการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น  ขยายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มการเปิดสู่ภายนอกของกิจการการเงินอย่างมั่นคง ส่งเสริมการเปิดสู่ภายนอกของกิจการการบริการ ผ่อนคลายข้อจำกัดสัดส่วนหุ้นของทุนต่างชาติในด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาล จีนยินดีที่จะส่งเสริมให้บรรลุซึ่งข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยเร็ว โดยจะเร่งผลักดันการเจรจาข้อตกลงการลงทุนจีน-ยุโรป และการเจรจาเขตการค้าเสรีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้

 

นายสี จิ้นผิง กล่าวต่อไปว่า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการประกอบธุรกิจที่ดีระดับโลก จีนจะเพิ่มบทลงโทษการกระทำที่ล่วงละเมิดสิทธิประโยชน์ของธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะการกระทำที่ฝ่าฝืนสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และจะใช้ระบบการลงโทษแบบ “ค่าเสียหายเชิงลงโทษ” เพิ่มต้นทุนของการฝ่าฝืนกฎหมาย จีนจะเร่งออกระบบกฎหมายและกฎข้อบังคับกิจการต่างประเทศที่เปิดกว้างและโปร่งใส เคารพประเพณีการประกอบธุรกิจสากล ปฏิบัติกับวิสาหกิจต่างๆอย่างเสมอภาค

 

นายสี จิ้นผิง  กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งจีนมีเงื่อนไขที่ดีมากมายในการรักษาสมดุลการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดำเนินไปอย่างมั่นคงในระยะยาว การพัฒนาเศรษฐกิจโดยทั่วไปของจีนมีความมั่นคงแข็งแรงดี  เงื่อนไขสำคัญที่สนับสนุนการพัฒนาภาคการผลิตอย่างมีคุณภาพสูงก็ยังคงเดิม และแนวโน้มการพัฒนาก็ยังมั่นคงดีในระยะยาว นอกจากนี้ ความสามารถด้านการควบคุมทางเศรษฐกิจมหภาคของจีนก็ได้รับการยกระดับเพิ่มพูนมาโดยตลอด การปฏิรูปอย่างทั่วด้านได้ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

 

อย่างไรก็ตาม นายสี จิ้นผิงยอมรับว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนก็ประสบกับปัญหาและข้อขัดแย้งนานัปการด้วย โดยความไม่แน่นอนบางด้านได้ทวีความรุนแรงขึ้น มีวิสาหกิจบางแห่งต้องประสบกับปัญหาการประกอบธุรกิจ การท้าทายความเสี่ยงในด้านต่างๆก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่ เศรษฐกิจจีนเป็นทะเลใหญ่ ไม่ใช่บ่อเล็ก ลมแรงและพายุฝนย่อมไม่สามารถคว่ำทะเลลงได้ เศรษฐกิจจีนย่อมสามารถเร่งความเร็วสู่หนทางการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงได้อย่างแน่นอน

 

ประธานาธิบดีจีนได้เสนอ “ข้อเสนอ 3 ประการ” เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเรียกร้องให้ประเทศต่างๆยืนหยัดการเปิดกว้างและการติดต่อกัน ขยายโอกาสความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกัน ยืนหยัดการชี้นำและพัฒนาด้านการสร้างสรรค์ เร่งการปรับเปลี่ยนแรงกระตุ้นเก่ากับใหม่ ยืนหยัดการอำนวยประโยชน์อย่างกว้างขวาง และผลักดันการพัฒนาร่วมกัน

 

นายสีจิ้นผิงกล่าวว่า นานาประเทศควรต่อต้านแนวคิดกีดกันทางการค้า ต่อต้านแนวคิดเอกภาคีนิยม แล้วหันมายกระดับการเปิดกว้าง ผลักดันการติดต่อกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง เพิ่มการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ ลดผลกระทบทางลบจากภายนอก ผลักดันการสร้างระบบเศรษฐกิจการค้าที่เสมอภาค ยุติธรรม และโปร่งใส ผลักดันความอิสระและความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมการเปิดกว้าง การแลกเปลี่ยนและการร่วมมือกันในกิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับโลก