พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงแก่นักข่าวเมื่อเช้าวันที่ 12 พ.ย.2561 ว่า ป.ป.ช.ได้ส่งตัวแทนไปหารือกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยรัฐบาล และ สนช.เป็นห่วงพอสมควร กรณีกรรมการสภามหาวิทยาลัยต่างๆ เตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจประกาศ ป.ป.ช.ที่ให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ปปช.ก็จะมีการหยิบยกประเด็นปัญหารวมถึงข้อห่วงใยมาพิจารณา ส่วนที่มีการขอให้ ป.ป.ช.ทบทวนบางตำแหน่งที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ยังยืนยันว่าผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกฎหมาย แต่เมื่อ ป.ป.ช.ออกประกาศไปแล้ว ก่อให้เกิดผลกระทบทำให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยบางคนประสงค์ที่จะลาออก ดังนั้น จึงต้องมาพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวทั้งฉบับ ไม่ใช่เฉพาะกรรมการสภามหาวิทยาลัยและยังมีอีกหลายประเด็นที่จะต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติ ความเสมอภาค รวมถึงหลักการของกฎหมายที่มุ่งไปที่ความโปร่งใส และมองถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะประกาศครั้งนี้แตกต่างจากประกาศตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช.พ.ศ.2542 ที่ ป.ป.ช.สามารถระบุได้ว่าจะให้ใครมาแสดงบัญชีทรัพย์สินบ้าง แต่กฎหมายใหม่ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจดังกล่าว ดังนั้น เราจึงมีหน้าที่ประกาศให้ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดมาแสดงบัญชีทรัพย์สิน หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะมีการแก้ไขประกาศเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น การประชุม ป.ป.ช.ในวันที่ 13 พ.ย.จะยังไม่ตกผลึกในแนวทางการแก้ไขปัญหา แต่จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะขยายเวลาในการยื่นบัญชีทรัพย์สินออกไปเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะจากเดิมจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ธ.ค.หากขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน รวมเป็น 60 วัน ก็จะมีเวลาเหลือเฟือ เพื่อให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มีความประสงค์ที่จะลาออกได้เตรียมตัว เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยที่จะต้องหาคนมาทดแทนกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ลาออก แนวทางนี้จะทำให้การดำเนินการตามกฎหมายไม่เกิดความสะดุด เพราะเราต้องดูเหตุผลความจำเป็นที่ต้องออกประกาศฉบับนี้มา การจะทบทวนตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เพื่อจะได้ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้น ต้องมีเหตุผลที่สามารถรับฟังได้ และสังคมเองก็มีความเห็นเป็นสองด้าน ที่สุดแล้วต้องดูว่าเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร การจะแก้ไขประกาศหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยหรือใครจะลาออก การจะลาออกหรือไม่เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน เป็นดุลยพินิจของแต่ละคน เพราะการจะทำงานหรือไม่ก็อยู่ที่ความสมัครใจ เราไม่ได้ออกกฎหมายบังคับว่าท่านต้องเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย คิดว่าจะขยายเวลาไปไม่ต่ำกว่า 60 วัน เพื่อให้คนที่คิดจะลาออกได้มีเวลาคิดว่าจะอยู่ต่อหรือไม่
นักข่าวถาม คณะรัฐมนตรีเป็นห่วงกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตามประกาศดังกล่าวด้วย พล.อ.วัชรพล ตอบ
ประเด็นนี้ ป.ป.ช.ได้วินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีความชัดเจนว่าองค์สมเด็จพระสังฆราชไม่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตามประกาศ ป.ป.ช.เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานสงฆ์ที่โปรดเกล้าฯ โดยพระมหากษัตริย์ แต่ไม่รวมถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในสภามหาวิทยาลัย ดังนั้น พระเถระหลายๆ รูปก็จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
matemnews.com
12 พฤศจิกายน 2561