Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 35 ปี ผอ.โรงเรียนยักยอกเงินอาหารกลางวันเด็ก

ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 35 ปี ผอ.โรงเรียนยักยอกเงินอาหารกลางวันเด็ก

763
0
SHARE

 

 

นายสนั่น ทองจีน ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9   แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2561 ผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2562 ของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้พิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อท.29/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท.33/2561 กรณี

 

นายเฉลิม พละสิทธิ์

 

เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำบันทึกขอยืมเงินประเภทเงินอุดหนุนอื่น และประเภทเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านมะรือโบตก    โดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการยืมเงินว่า จะนำไปใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมใดของโรงเรียน ขัดต่อระเบียบทางราชการ จำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบอนุมัติให้ตนเองยืมเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยได้รับเงินที่ยืมไปแล้วได้เบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน ทั้งยังไม่ส่งใช้เงินยืมรายเก่าตามกำหนดเวลา

 

ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

 

จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 14 กระทง เป็นจำคุก 70 ปี

 

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 35 ปี

 

ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษ โดยอ้างว่า ได้นำเงินที่ยืมไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียนบ้านมะรือโบตกหลายกิจกรรมและบางส่วนนำไปใช้ปรับปรุงห้องพักครูเป็นประโยชน์แก่ราชการ รวมทั้งจำเลยได้จ่ายเงินคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยแล้วนั้น  ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้เงินยืมว่าจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมใดของโรงเรียนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งหากจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมดังกล่าวจริง จำเลยย่อมสามารถแสดงหลักฐานการใช้เงินยืมดังกล่าวได้โดยไม่ยาก  การกระทำของจำเลยกระทบต่อระเบียบแบบแผนการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นการกระทำที่ร้ายแรง แม้จำเลยจะชดใช้คืนเงินยืมพร้อมดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นภายหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

คดีข้างต้นยังไม่ถือเป็นที่สุด และยังอยู่ภายใต้สิทธิการอุทธรณ์ ซึ่งการพิจารณาวินิจฉัยของศาลสูงตามลำดับ จำเลยยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

 

matemnews.com  

27 พฤศจิกายน 2561