นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2561 ว่า หลังจาก ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ โดยให้ความช่วยเหลือ 10 เดือน (ธ.ค.61 – ก.ย.62) กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวได้เตรียมความพร้อมทั้งข้อมูลและระบบในการจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) พร้อมแล้ว รวมทั้งกำหนดระยะเวลาในการจ่าย
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า ผู้มีสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ใช้สิทธิ์จากมาตรการค่าไฟฟ้าฟรี (ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน) ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการเดิม หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการใหม่ ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิ์ต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด มาตรการนี้ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) / การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และค่าน้ำประปา ผู้มีสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้น้ำประปาเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิ์ต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด (มาตรการนี้ใช้สิทธิได้เฉพาะค่าน้ำประปาของการประปานครหลวง (กปน.) /การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
การใช้สิทธิ์ตามมาตรการใหม่ ผู้มีสิทธิ์จะต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาก่อนตามใบแจ้งหนี้ประจำเดือนที่ กฟน. หรือ กฟภ. กปน.หรือ กปภ.เรียกเก็บจากการใช้ไฟฟ้า/น้ำประปา ของเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 โดยสามารถชำระเงินได้ทุกช่องทาง ได้แก่ ชำระเงินที่สำนักงานการไฟฟ้า/ประปา หรือตัวแทนจุดบริการรับชำระเงิน Application Internet Banking หักบัญชีเงินฝากธนาคาร/บัญชีบัตรเครดิต และตัวแทนเก็บเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ การไฟฟ้า/ประปาจะประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติให้ทราบต่อไป โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินชดเชยค่าไฟฟ้า/น้ำประปา เข้ากระเป๋าเงิน e-Money ตามจำนวนที่ผู้มีสิทธิ์ได้ชำระไว้ตามจริง ทุกวันที่ 18 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 18 กุมภาพันธ์ 2562
มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 500 บาทต่อคน จำนวน 14.5 ล้านคน ซึ่งจ่ายให้เพียงครั้งเดียว โดยกรมบัญชีกลางจะทยอยจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ภายในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2561
จะจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิ์ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 วันที่ 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562
มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับผู้มีสิทธิ์ที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป จะได้รับเงิน 1,000 บาทต่อคนเพียงครั้งเดียว โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้ากระเป๋าเงิน e-Money ให้กับผู้มีสิทธิที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ทุกวันที่ 21 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 21 ธันวาคม 2561
หากผู้มีสิทธิ์รายใดมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 จะได้รับเงินวันที่ 21 ของเดือนเกิด สำหรับผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน จะเริ่มจ่ายในวันที่ 5 มกราคม 2562 และ 1 กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากนั้นจะได้รับเงินทุกวันที่ 21 ของเดือนเกิดเช่นเดียวกัน
มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่พักอาศัยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 400 บาทต่อคนต่อเดือน โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิ์ ทุกวันที่ 12 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรก 12 ธันวาคม 2561 หากผู้มีสิทธิ์รายใดมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 จะได้รับเงินในเดือนเกิดเป็นครั้งแรกจนสิ้นสุดมาตรการ สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืนฯ จะเริ่มจ่ายในวันที่ 5 มกราคม 2562 และวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นครั้งแรก จากนั้นจะโอนเงินช่วยเหลือให้ทุกวันที่ 12 ของเดือนเกิดเช่นเดียวกัน.
Matemnews.com
2 ธันวาคม 2561