วันนี้ (15 สิงหาคม 2560) เวลา 14.30 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีการซื้อขีปนาวุธว่า การซื้อขีปนาวุธอยู่ในงบประจำปีอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่มเติมในงบกลางแต่อย่างใด โดยเป็นเรื่องของการต่อเรือฟริเกตที่จะต้องดูแลอธิปไตย ซึ่งงบประมาณการต่อเรือฟริเกตนั้นรวมถึงงบประมาณในระบบอาวุธเหมือนยุทโธปกรณ์ติดเรือด้วย เมื่อมีเรือแล้วก็ต้องมีอาวุธ ถ้าไม่มีอาวุธก็ไม่รู้จะต่อเรือไปทำไม
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตการจัดสรรงบประมาณประจำปีของกระทรวงกลาโหมปีงบประมาณประจำปี 2561 ที่เพิ่มขึ้นถึง 2.2 แสนล้านนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้นตามลำดับทุกปี ซึ่งทุกกระทรวงก็เป็นแบบนี้ตามสัดส่วน แต่งบประมาณที่เพิ่มขึ้นจะต้องไม่เกินงบประมาณกลางทั้งหมดของประเทศ พร้อมกล่าวต่อไปว่า นอกจากงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของแต่ละกระทรวง รัฐบาลให้ความสำคัญและเห็นถึงความจำเป็นของภาคส่วนอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร สาธารณสุข และการศึกษาซึ่งเป็นงบประมาณส่วนใหญ่อยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็จะต้องไม่ทิ้งงบประมาณด้านความมั่นคง เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของเสถียรภาพของประเทศ ซึ่งเราไม่ได้หวังว่าจะซื้ออาวุธไปรบกับใคร แต่ซื้อเพื่อไว้คุ้มครองทรัพยากรทางบกทางทะเลของเรา เพราะรอบบ้านยังมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวอยู่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่งบประมาณสูงขึ้นเพราะว่ารัฐบาลที่ผ่านมานั้นไม่ได้ซื้อ ทุกรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ก็ชำรุดเสียหาย และจะต้องเสียงบซ่อมจำนวนมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องจัดหาเท่าที่มีความจำเป็นเท่าที่ทำได้ เพราะส่วนหนึ่งเอาไว้ป้องกันตัวเอง อีกส่วนไว้ฝึกรบร่วมกับนานาประเทศ จึงจำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพ ทันสมัยเพื่อประสิทธิภาพในการฝึกร่วมกับนานาประเทศ
Matemnews.com 15 ส.ค.2560