พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ในพื้นที่ปริมลฑล ปี 2562 ที่กรมอนามัย เมื่อตอนเช้าวันที่ 25 ม.ค.2562 เลิกประชุมแล้วแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ว่า
“ขณะนี้ในพื้นที่ปริมลฑลก็มีปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ดังนั้นจึงได้กับชับให้บุคคลากรใน 5 จังหวัดปริมณฑล ทั้งสมุทรปราการ .สมุทรสาคร ,นครปฐม ,นนทบุรี และปทุมธานี ติดตามกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ พร้อมทั้งแจกหน้ากากอนามัยและแผ่นพับคำแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย สถานการณ์การเจ็บป่วย ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปัญหาฝุ่นละออง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศแต่ละพื้นที่หากพบค่าฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ระดับ ตั้งแต่ 90-100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้แต่ออกกำลังกายก็ตาม ในพื้นที่ปริมณฑลบางพื้นที่จัดกิจกรรมวิ่งมาราธอน ก็ขอให้ผู้จัดกิจกรรม พิจารณางดจัด ไปก่อนในช่วงนี้ แม้ว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่การวิ่งต้องใช้แรงมาก ร่างกายต้องเพิ่มการหายใจ ต้องการอากาศมากถึง 10 เท่า ยิ่งการวิ่งมาราธอน ที่ต้องใช้เวลานานมากกว่า 3-4 ชม. ดังนั้นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่ม เด็ก ผู้สูงอายุ”
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงว่า ขณะนี้สังคมมีความตื่นตัวเรื่องของการป้องกันตัวเองจากฝุ่นละอองกันมาก แต่ก็ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการเชื่อข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย มีบางคน บางกลุ่มพยายามหาผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่นการโฆษณาขายหน้ากากอนามัยประเภทต่างๆ มีการอ้างสรรพคุณว่าสามารถป้องกันฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ อ้างว่าหิ้วมาจากประเทศนั้นประเทศนี้ จึงขอเรียนว่า หน้ากากอนามัยจัดเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้ประชาชนมั่นใจในคุณภาพ บุคลากรทางการแพทย์มั่นใจที่จะใช้งาน ดังนั้นขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังแม้ว่าจะมีราคาถูกก็ตาม ตอนนี้มีการโฆษณาขายอุปกรณ์ขนาดจิ๋วป้องกันฝุ่นละออง นำเข้าจากประเทศอินเดีย มีลักษณะเป็นแผ่นกรองรูจมูก ถ้าดูกลไกลแล้วเล็ก จะกรองฝุ่นได้หรือไม่ แล้วที่แปะเป็นสติกเกอร์บางๆ ก็เสี่ยงหลุดเข้าไปในโพรงจมูกได้หรือไม่ ที่จริงเราไม่เคยได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ชนิดนี้เลย ไม่เคยมีการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ใดๆ เลย ไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญคนไหนหยิบมาใช้งาน ดังนั้นขอให้ประชาชนระมัดระวังการตกเป็นเหยื่อทางการตลาด”
ขอบคุณภาพจาก goo.gl/MjdtVF
matemnews.com
25 มกราคม 2562