“ในวันนี้จะมีการออกแถลงการณ์โดยนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องฝุ่น อยากขอให้ประชาชนและคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฝุ่นละออง PM 2.5 และPM 10 ในส่วนของโรงงานที่ให้ไปตรวจสอบส่วนใหญ่เป็นการทำให้เกิดPM 10 แต่ PM 2.5 ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาใหม้ของเครื่องยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้น้ำ้มันดีเซล ไม่เกี่ยวข้องกับข้องกับการก่อสร้างอาคารหรือรถไฟฟ้า ส่วนข้อเสนอต่างๆ ทั้งการห้ามให้รถ 10 ล้อ วิ่งเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานครอยากให้ดูตามความเหมาะสม เพราะหากห้ามจะส่งผลกระทบเกี่ยวกับ การอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพราะรถเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการขนส่งอาหาร ข้อเสนอที่ให้มีการใช้เครื่องบินของกองทัพในการปล่อยน้ำและทำฝนเทียมส่วนตัวขอชี้แจงว่ายุทโธปกรณ์ที่จัดซื้อมานั้น สำหรับใช้ในภารกิจเฉพาะด้าน ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในภารกิจลักษณะนี้ ถ้านำมาใช้ เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ จึงขอให้เห็นใจและอย่าบิดเบือนข้อมูล หรือโจมตีรัฐบาลจนทำให้ประชาชนสับสน ไม่ให้ความร่วมกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังจะออกมา สำหรับมาตรการที่รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่อาจส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ผมไม่ได้ขู่ ในส่วนที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ผมเองไม่เคยโทษประชาชนแต่อย่างใด คนบอกพูดแล้วทำไมไม่ทำ แต่ผมพูดว่าทำแล้วจะเดือดร้อนใคร หากห้ามใช้รถสัญจรทุกชนิดย่อมส่งผลกระทบต่อการคมนาคม ถ้ารถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรจะกิน เพราะเขาต้องขนส่งสินค้าผ่านกรุงเทพฯ ให้มันพอดี เข้าใจบ้าง อย่าทำเพราะความสะใจ ไม่ได้ รัฐบาลต้องคิดอย่างรอบคอบ รัฐบาลขอความร่วมมือ ไม่ได้โทษประชาชน บางสื่อตัดประโยคมาคนก็เกลียดผม แล้วจะร่วมมือกันได้อย่างไร รัฐบาลรู้หมดจะแก้ตรงไหน แต่ต้องทำไม่ให้เดือดร้อน ไม่มีสวดมนต์ แล้วเธอไม่เคยสวดมนต์หรือ ให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีความสุข ปลอดภัย การเมืองเดินหน้าไปได้ มีเสถียรภาพ หรือเคยแต่สวดมนต์ให้ตัวเองอย่างเดียว”
ข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดคนเดียวยาวเหยียดกว่า 2 ชั่วโมง ในห้องโถงใหญ่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พันพัวมาถึงปัญหาฝุ่นจิ๋ว ในการแถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล
Matemnews.com
1 กุมภาพันธ์ 2562