“ที่เมื่อเช้าพูดไม่เพราะนั้น ขอโทษด้วยก่อนแล้วกัน เพราะบางทีก็เผลอไผลไปบ้าง เราก็ไม่ได้ว่าทุกคน แต่คนที่ไม่ดีก็มีอยู่ คงหมายความถึงเรื่องนั้นมากกว่า บางทีก็อารมณ์ขึ้นบ้าง แต่เราพูดด้วยเหตุด้วยผล ก็ต้องขอโทษด้วย”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี พูดกกับคณะนักข่าวที่ห้องสีม่วงทำเนียบรัฐบาลเมื่อเย็น 1 ก.พ.2562
“เรื่องเลือกตั้งจะพูดให้ฟังว่า หลักการที่ผมจะพิจารณาว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ เรื่องการรับหรือไม่รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมือง อยู่ที่นโยบายของพรรคนั้นว่าผมโอเคหรือไม่ ถ้าโอเคมีการปรับแก้อะไรบางอย่างที่ให้เกิดในวิธีการที่ถูกต้อง ก็ต้องขอปรับแก้ ถ้าอย่างนี้อยู่กันได้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาแล้ว ส่วนหลักการที่ต้องพิจารณาว่าต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ จำคำพูดของผมไว้ ทั่วโลกที่เป็นระบอบประชาธิปไตย สังคมนิยม ผู้นำรัฐบาลไม่เคยมีใครลาออกเพื่อการเลือกตั้ง เช่น นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ลงชิงตำแหน่งครั้งที่ 2 หรือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนมีใครลาออกหรือไม่ หลักการมันเป็นอย่างนี้ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ กฎกติกาและธรรมเนียมปฏิบัติหรือมารยาทเกี่ยวกับเลือกตั้งทั่วโลก ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าผู้สมัครรรับเลือกตั้งเมื่อมีตำแหน่งบริหารอยู่ด้วยต้องลาออก อย่าเอาอย่างอื่นมาบังคับผมมากเลย ต้องดูประเทศชาติว่าเป็นอย่างไร รวมถึงหลักการว่าอย่างไร รัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ปี 2475 ถึงปัจจุบัน ไม่มีกำหนดว่าให้นายกฯ ต้องลาออก และในทางปฏิบัติจริงไม่เคยมีผู้ใดลาออกขณะเลือกตั้งเลยใช่หรือไม่ การเลือกตั้งปี 54 ใครเป็นนายกฯ ลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก แล้วไปหาเสียง ครม.สัญจรด้วย ผมยังไม่ทำเลย ไม่ได้ไปแบบเขาเพราะยังไม่ได้ไปร่วมกับพรรคการเมือง และต้องดูอีกทีว่าทำได้หรือไม่ด้วย ส่วนการเลือกตั้งปี 57 นายกฯ อีกคนกับ ครม.ลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก อย่ามาพูดส่งเดช ใครที่ออกไปเพราะเรื่องปลากระป๋อง มันมีความผิดก็ออกไป ส่วน 4 รมต.ในรัฐบาลนี้ที่ลาออกไปไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ทำงานเยอะแยะไปหมด แต่เขาขอลาออกเพราะอยากไปทำงานการเมืองเต็มตัว ทั้งที่เขาอยู่ได้ตามกฎหมาย อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี๋ยวมาไล่นายกฯ ออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้การเลือกตั้งปี 54 ในการแข่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมแพ้ล่ะ เป็นรัฐบาลหรือเปล่า ทำไมแพ้ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมาแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีผลงานหรือไม่ หากไม่มี ประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ก็ไปหวังในสิ่งใหม่ๆ ที่เขาพูดออกมา จริงบ้างไม่จริงบ้าง นั่นคือการเมืองไทย นักกฎหมายในสังคนอื่นประเทศอื่นเขาเคารพกติกา เขาไม่มาถกเถียงกันในเรื่องเหล่านี้ แต่บ้านเมืองเราเวลาจะพูดอะไรสักอย่าง ไม่มองตัวเองว่าเคยพูดเคยทำอะไรที่เสียหายไว้บ้าง เฉพาะที่เสียหายก็เยอะอยู่แล้ว เคยพูดบ้างหรือไม่ พูดแต่ว่าจะทำๆ ไปคิดเอาเอง ชี้นิ้วมาแต่ที่ผมเสมอว่าทำผิดไม่เคารพกฎหมายและกติกา เพื่อประโยชน์ใคร ก็เพื่อส่วนตัวทั้งสิ้น 4 รัฐมนตรีของผมออก เขาไม่ได้ออกเพราะผมไปกดดันว่าต้องออกๆ ผมรู้ว่ากฎหมายไม่ต้องลาออก ผมอยากให้เขาทำงาน แต่เขาจะไปทำพรรคการเมืองก็ต้องปล่อยเขาไป ผมก็ต้องหาคนทำแทนให้ได้ แล้วอย่ามาคิดว่าลาออกเพราะกลัว เขาไมได้กลัวท่านหรอก อะไรที่พูดๆ มา เสร็จแล้วก็มากดดันนายกฯ กดดันผมไม่ได้ ผมเคารพกฎหมาย เรื่องการโจมตีรัฐบาลและ คสช. ทุกคนถามว่าทำไมมีเยอะขึ้น ท่านก็รู้อยู่แล้ว การเมืองไทยเป็นอย่างนี้ ปฏิรูปไม่ได้เสียที เป็นไปตามขั้นตอนของผู้ไม่หวังดี ตั้งแต่เรื่องการอยากเลือกตั้ง ห้ามเลื่อนเลือกตั้ง อะไรทำนองนี้ พอกำหนดวันก็บอกว่าไม่เป็นธรรมเข้าไปอีก มันเป็นสเต็ป ท่านก็เป็นเครื่องมือเขาอยู่ได้ ไปดูสิทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับผม อยู่ที่ทำกฎหมายตามโรดแมป มันปรับเปลี่ยนไปเพราะกฎหมายเสร็จหรือไม่เสร็จ มันเรื่องของกฎหมาย ผมพูดในขั้นต้นว่าเลือกตั้ง 24 ก.พ. 62 แต่เมื่อกฎหมายไม่พร้อมอะไรไม่พร้อม ทั้งยังมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ขยับไปอีกหน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าอยากเข้ามาก็ต้องรับกติกาตรงนี้ได้ เรื่องรัฐบาลรักษาการ และรัฐบาลอำนาจเต็ม ต่างกันตรงเรื่องห้ามโยกย้ายข้าราชการ โดยไม่จำเป็น ผมก็ดูอยู่ ไม่จำเป็นก็ไม่อยากย้าย รวมถึงห้ามใช้งบประมาณผูกพัน เว้นแต่ที่จำเป็น รัฐบาลผมทำได้ในกรณีเร่งด่วน ถ้าไม่เร่งด่วนผมไม่อยากใช้ กรณีที่ห้ามจัดทำงบประมาณในรัฐบาลรักษาการอย่างคราวที่แล้วเมื่อปี 57 เขาลาออกหรือยุบสภาอะไรสักอย่าง ตอนนั้นงบประมาณถึงใช้ไม่ได้ ทำงบประมาณปี 58 ก็ไม่ได้ จะไม่มีเงินจ่ายข้าราชการและโครงการทั้งหมด นั่นแหละปี 57 ที่ผมเข้ามา ที่ต้องเร่งงบฯ เพื่อให้ใช้จ่ายได้และทำงบปี 58 ให้ได้ ผมถึงต้องเข้ามาเพราะไม่มีวิธีการอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ วันนี้รัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 264, 265 สั่งผมคือ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ต้องอยู่ต่อจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ ลาออกไม่ได้ ถ้านายกฯ ลาออก ครม.ต้องลาออกทั้งหมด ถ้าผมลาออกก็ไปหมดเลย แล้วใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธี ใครจะอยู่ทำสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด เข้าใจหรือยัง อย่ามาถามอีก ไม่ต้องมาไล่ผมหรอก”
matemnews.com
1 กุมภาพันธ์ 2562