พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม “การประกาศปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Cultural Year)” ที่ห้องโถงใหญ่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 4 ก.พ.2562 โดยนายกฯ ได้ร่วมชมการแสดง เฉลิมฉลองปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 9 ชุด อาทิ แสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากาก การแสดงโขน ตอนพระรามข้ามสมุทร การแสดงหุ่น และการแสดงชุดฟินาเล่ เป็นต้น โดยมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม มาร่วมงาน พล.อ.ประยุทธ์เดินชมนิทรรศการ ปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ที่จัดขึ้นในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ โดยจะมีการจัดกิจกรรมหมุนเวียนจัดขึ้นในแต่ละเดือนตลอดทั้งปี 62 ทั้งนี้ แวะชม อาทิ วัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลก ที่เป็นการแสดงของชาติต่างๆ ในอาเซียน และได้ร่วมถ่ายภาพกับผู้ร่วมงานเป็นที่ระลึก
เมื่อเดินมาถึงบู๊ทจัดแสดงดนตรี ที่ผสมผสานเครื่องดนตรีจากแต่ละชาติในอาเซียน หนึ่งในนั้นมีระนาดของไทยรวมอยู่ด้วย หลังยืนฟังการบรรเลงอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้หยิบไม้ตีระนาดมาทดลองตีในเพลงธรณีกรรแสง แล้วเดินขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงกับนักร้องนักดนตรี โดยขอร้องเพลง “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” ของ ดา เอ็นโดรฟิน เพลงจบทำมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยูแก่ทุกคน
ระหว่างเดินกลับห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประหยุทธ์หยุดเดินที่ไมโครโฟนริมทาง และกล่าวแก่คณะนักข่าวที่รออยู่ว่า
“วันนี้เป็นงานของรัฐบาลในการประกาศปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งมีความหลากหลาย เก่าแก่ เกี่ยวพันกับจารีตประเพณีสิ่งเหล่านี้ถือเป็นศักยภาพของอาเซียน นโยบายของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ก็ได้นำสิ่งเหล่านี้มาขับเคลื่อนเพื่อให้โลกได้รู้จักอาเซียนมากยิ่งขึ้นรู้จักความเป็นมาซึ่งทุกอย่างเคยพูดไว้แล้วว่าเราต้องไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง วันนี้ประเทศไทยจะเป็นผู้ขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคตเพราะเรามีธุรกิจหลายประเภทที่เกี่ยวข้องเราต้องใช้ความเป็น 4.0 มาทำให้เกิดประโยชน์กับวัฒนธรรมอาเซียนให้ได้ขอความร่วมมือทุกคนร่วมมือกันเพื่อประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพที่ดีและสร้างความงดงามให้ปรากฏ เอาภาพสวยงามของเราเหล่านี้แพร่ออกไป จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าบ้านเมืองของเรามีความสวยงาม มีประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ุที่งดงาม สิ่งอะไรที่มันไม่ดีก็ขอร้องว่าอย่าเผยแพร่กันให้มากนักเพราะไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งสิ้น”
Matemnews.com
4 กุมภาพันธ์ 2562