ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เป็นจุดแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะแวะเยี่ยมชมเมื่อตอนเช้าวันที่ 6 ก.พ.2562 ในการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส.
โดยการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นสูงสุด ประชาชนที่เข้าไปอยู่ในศูนย์ และในเต็นท์ต้องผ่านการคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ ของติดตัวที่อาจเป็นอาวุธได้ ห้ามนำเข้าไป แม้กระทั่งขวดน้ำพลาสติกเจ้าหน้าที่ก็ขอไม่ให้นำเข้าในพื้นที่เต็นท์ต้อนรับ
ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธ เป็นการขับเคลื่อนเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ดำเนินการระหว่างปี 59-62 ครอบคลุมด้านพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ และยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเป็นต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย รองรับการเป็นมหานครแห่งเกษตรอินทรีย์
เมื่อมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานสักขีพยานพิธี มอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประชาชน เป็นสักขีพยานผู้ว่าราชการจ.ยโสธร มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ประชาชน ว่า
“ดีใจที่มาพบทุกคคนด้วยตัวจริง ไม่ใช่แค่ผ่านโทรทัศน์ สำหรับจ.ยโสธร มีชื่อเดิม ยศสุนทร แปลว่า ทรงไว้ซึ่งเกียรติ วันนี้อยากให้ประชาชนได้ฟังข้อมูลจากรัฐบาล เราทำตามยุทธศาสตร์ คือ การทำไปเรื่อยๆ ถึงได้มีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงอย่าไปฟังแค่ว่าวันนี้ใครจะให้อะไรกับเรา และอย่ามองแค่ว่าสิ่งที่ทำวันนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องมองอนาคตของลูกหลาน รัฐบาลพยายามทำหลายมาตรการเพื่อให้เกิดตวามยั่งยืน ทั้งโครงการประชารัฐบ้านล้านหลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองที่มีการเอาชื่อไปใช้ แต่รัฐบาลทำเรื่องนี้มาตลอด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ขณะที่ประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น มีคนน่ารัก แต่บางส่วนก็ไม่ไว้ใจ ผมพยายามเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง อีกทั้งหลายอย่างเราต้องยอมรับ เมื่อก่อนอาจไม่มีใครมาพูดแบบนี้ ไม่มีใครมาทะเลาะกับท่าน มาพูดหวานๆ เพราะๆ พูดจาจ๊ะจ๋าไปเรื่อย มันไม่ได้ เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริงและพัฒนาไปด้วยกัน ทุกรัฐบาลหากให้อย่างเดียวก็จะหมดสภาพ รัฐบาลเองก็จะเจ๊ง เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ อีกทั้งมีพ.ร.บ.งบประมาณ และพ.ร.บ.การเงินการคลังอยู่ จึงอย่าฟังหากใครบอกจะให้อะไรก็ต้องถามกลับด้วยว่า เงินมาจากไหนและผิดกฎหมายหรือไม่ ผมเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องเห็นใจคนที่มีรายได้น้อย วันนี้มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนถึง 14.7 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ บางพื้นที่เฉลี่ยเดือนละไม่กี่พันบาทแล้วจะอยู่กันได้อย่างไร วันนี้เราต้องคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และที่มาวันนี้ไม่ต้องจำสิ่งที่ผมพูดไปมาก แต่สิ่งที่พูดไปทั้งหมดต้องการเน้นย้ำให้เห็นว่าวันนี้เราต้องคิดร่วมกัน อย่าถือว่าใครนำใคร รัฐบาลมีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบายให้ตรงความต้องการประชาชนในพื้นที่ ประชาชนต้องเรียนรู้และเดินไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาแก้ไม่ได้ต่อการพัฒนา เหมือนหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาหล่านี้อาจอยู่ไปเป็น 100 ปี ก็ได้หากไม่คิดใหม่และทำใหม่ แม้เราไม่มีเงินก็สามารถออกแรงได้ เพื่อเดินไปด้วยกัน เพราะไม่มีอะไรได้มาโดยเขาให้เพียงอย่างเดียว เรามีศักดิ์ศรี มีสมอง มีความคิด ทำไมต้องไปรอเขาให้ ดังนั้นการพูดจาต้องทำความเข้าใจกันอย่าให้ใครมายิดเบือนและหลอกลวง นายกฯคนนี้ไม่เคยพูดโกหกกับพวกเรา โกหกใครไม่ได้ พูดแต่ความจริง หลายคนอาจชอบบ้างไม่ชอบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครชอบทั้งหมด ใครชอบทั้งหมดก็คงไม่ใช่นายกฯ บ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ทุกคน วันนี้ประชาชนและรัฐต้องทำงานร่วมกันในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณ์ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบขั้นตอนทั้งหมด เหมือนกับรัชกาลที่ 9 โดยทุกคนถือว่าโชคดีที่อยู่ 2 รัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์มา 70 ปี เราจึงอยู่มา 2 รัชกาลคือช่วงท้ายและช่วงต้น จึงต้องทำให้หลักชัยของประเทศ คือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้มแข็ง และทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่เป็นแบบบ้านอื่นคนอื่นเขา เพราะเรามีหลักชัยที่ยึดมั่นตรงนี้ ดังนั้นเราต้องสร้างจิตสำนึก การเป็นจิตอาสา การทำความดีด้วยหัวใจ จึงขอให้มาร่วมมือ ร่วมใจ และพูดคุยกัน อย่าไปมัวคุยแต่เรื่องความขัดแย้ง น่ารำคาญ น่าเบื่อ เบื่อกันหรือไม่ เราจะทะเลาะเบาะแว้งกันอีกไม่ได้แล้ว เพราะโอกาสที่พูดมาทั้งหมดจะหายไปทั้งในและต่างประเทศ และตลาดการค้าจะเอามาจากไหนถ้าทุกคนแอนตี้เรา ดังนั้นอย่าพูดว่าอะไรก็ไม่ดีทั้งหมด เพราะการพูดจาเช่นนี้ถูกเผยแพร่ไปเร็วทั่วโลก ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือไม่จริง หากเชื่อขึ้นมาก็จะกีดกันเราในทุกเรื่อง แต่วันนี้ไม่มีใครกีดกันไทย และทุกอย่างสูงขึ้นทุกเรื่อง ต่างประเทศก็มาพบผมตลอด ยืนยันเจตนารมณ์พร้อมร่วมมือกับเรา จึงขอให้การเลือกตั้งสงบเรียบร้อย ผมขอแค่นี้ ถ้าไม่ทำแบบนี้ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ อนาคตเสียหาย สิ่งที่ทำมา 4-5 ปีจะเสียหายทั้งหมด จึงขึ้นอยู่ที่ทุกคน การลงพื้นที่จังหวัดยโสธรในวันนี้ เพื่อมาพบและเยี่ยมเยียนประชาชน เนื่องจากรัฐบาลมีความปรารถนาดีและมุ่งมั่น ในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อความอยู่ดี มีสุข โดยเราจะร่วมเดินหน้าไปด้วยกัน และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 สำหรับจังหวัดยโสธรมีศักยภาพในด้านเกษตรอินทรีย์ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตข้าวอินทรีย์มากที่สุดในประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ถือเป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดยโสธร นับเป็นการพัฒนาที่ถูกทางอย่างที่สุดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 อันจะนำพาชาวยโสธร ไปสู่การอยู่ดีและมีความสุข แข็งแรงทั้งกายและใจ สุขภาพดีไม่มีสารพิษเข้าสู่ร่างกายทั้งของตัวเกษตรกรเองและผู้บริโภคตลอดจนมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามหลักการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ การพัฒนาคุณภาพสินค้าทางการเกษตรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เกิดการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยมีแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2564 ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การส่งเสริมการวิจัย การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์
ทั้งหมดนี้เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมบูรณการยุทธศาสตร์ทั้งหมดให้เกิดความต่อเนื่อง คาดว่าในอนาคตจะเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ได้ถึง 6 แสนไร่ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เตรียมกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เพื่อให้มีความชัดเจนและแนวทางในการให้ความรู้แก่เกษตรกรที่จะมาใช้แนวทางเกษตรอินทรีย์ไว้แล้ว โดยภาครัฐจะเข้าไปช่วยเหลือในการหาตลาดและเพิ่มช่องส่งเสริมการขายที่มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงและคุณภาพให้กับสินค้าทางการเกษตรที่ผลิตออกมา ทั้งหมดเพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ไปสู่ระดับที่เข้มข้นมากขึ้น การที่จะบรรลุผลสำเร็จได้ต้องอาศัยเกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรเอกชน ทั้งหมดนี้ถือเป็นโอกาสที่จังหวัดยโสธรจะพัฒนาให้เป็น เมืองเกษตรอินทรีย์ หรือ Land of Organic ถือเป็นทางเลือกในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านของคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ผมขอชื่นชมการดำเนินงานด้านการเกษตรอินทรีย์ที่มีการรวมกลุ่มอย่างเหนียวแน่นเข้มแข็ง ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน มีการพัฒนากระบวนการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ผมอยากเห็นคนไทยทุกคน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ที่พอเพียง มีความสุข ประเทศชาติมีความสงบร่มเย็นตลอดไป ดังนั้น การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในทุกมิติต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากประชาชนในพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมและรับผิดชอบ ผลสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน”
จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมศูนย์ฯและชมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจ.ยโสธร ผลิภัณฑ์พื้นบ้าน อาทิ ข้าวเกษตรอินทรีย์ อาหารพื้นบ้านปลาส้ม งานหัตกรรมพื้นบ้านจากลูกตูมกา ที่นำมาทำเป็นโคมไฟที่ใช้ประเพณีแห่ไฟตูมกาในช่วงเทศกาลออกพรรษา ลองชิมแม่เป้ง หรือไข่มดแดงกระป๋องทอดเกลือ ลองทำดาวที่ใช้ในประเพณีแห่ดาวของศาสนาคริสต์ของบ้านซ่งเย้ อ.ไทยเจริญ อีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน ชาวบ้านได้อธิบายให้นายกฯฟังว่าเป็นดาวนำทาง พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า รู้ไหมรัฐบาลมีอะไรนำทาง รัฐบาลมียุทธศาสตร์ชาตินำทาง แล้วพล.อ.ประยุทธ์ ถ่ายรูปร่วมกับเด็กๆที่มาร่วมกิจกรรม กับคณะและข้าราชการในพื้นที่เป็นที่ระลึก ปลูกต้นรวงผึ้งเป็นที่ระลึกด้วย แวะชมการปลูกถั่วลิสงเถา ฟลอริเกซ ปลูกเพื่อป้องกันหน้าดิน พล.อ.ประยุทธ์แนะนำให้นำมาปลูกฟุตบาททั่วไป แล้วนั่งรถรางชมทั่วศูนย์เกษตรอินทรีย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดถนนสายหลักที่คณะพล.อ.ประยุทธ์นั่งรถผ่าน ไปศูนย์ ฯ ไม่เห็นมีป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐติดตามริมทาง มีแต่ป้ายหาเสียของผู้สมัครพรรคเพื่อไทย
ข่าวของเว็บไซต์รัฐบาลไทย https://goo.gl/3yPcaE
matemnews.com
6 กุมภาพันธ์ 2562