นายตำรวจระดับสูงของ สตช.ที่เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง ถูกระดมมาประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหณกุล รอง ผบ.ตร. ที่ สตช.เมื่อบ่ายวันที่ 18 ส.ค.2560 เตรียมความพร้อมรับมือมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันอ่านคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง 25 ส.ค.2560 หลังประขุมแล้ว พล.ต.อ.ศรีวราห์ แถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่า
“มีข้อสั่งการให้ติดตามสถานการณ์การด้านการข่าวทุกพื้นที่ ให้จัดทำแผนเผชิญเหตุรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลฎีกาฯ และในส่วนของต่างจังหวัด ให้ดูแลพื้นที่หน่วยราชการที่สำคัญ โดยยึดตามแผนกรกฎ 52 เป็นแนวทางปฏิบัติ และบังคับใช้กฎหมาย 100% ยืนยันว่าไม่มีนโยบายขัดขวางการเดินทางมาให้กำลังใจ แต่ขอให้ประชาชนและกลุ่มแกนนำอย่าทำผิดกฎหมาย ครั้งนี้ใช้กำลังตำรวจเป็นหน่วยงานหลัก ในการดูแลความสงบเรียบร้อย จัดกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 24 กองร้อย หรือ 3,600 นาย และห้ามพกพาอาวุธโดยเด็ดขาด ที่ประชุมกำชับให้รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณศาลฎี บริเวณใกล้เคียง ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เนื่องจากบริเวณศาลฎีกาแอผนกคดีอาญานักการเมือง มีสถานที่ราชการ แหล่งชุมชน ที่พักอาศัยของประชาชนมากมาย ต้องวางแผนด้านจราจรให้ดี ผู้ที่จะมาให้กำลังใจส่วนหนึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านจราจรด้วย การข่าวระบุว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม จะมีมวลชนเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากการข่าวขณะนี้พบว่าขยับกันทั้งประเทศ มีการะดมคน ชักชวนกันมา ปากต่อปาก ชวนกันมาจังหวัดละ 10 – 20 คน ทั้งประเทศมีเพียง 10 จังหวัดเท่านั้นที่ไม่ระดมคนมา ที่เหลือมากันหมด แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมกลุ่มไหน ใช่เสื้อแดงหรือไม่ ผมไม่ระบุ แต่ยืนยันว่าไม่สกัดกั้น สั่งตำรวจทั่วประเทศไปแล้วว่าต้องไม่มีการสกัดกั้นเด็ดขาด แต่การเดินทางมาให้กำลังใจต้องมาอย่างถูกกฎหมาย ไม่พกวัตถุอันตราย จะเอาน้ำมันมาคนละแกลลอน ปืนคนละกระบอกคงไม่ได้ จัดรถตู้ รถบัส ที่ไม่ถูกกฎหมาย นอกเส้นทางอนุญาตมาก็ไม่ได้ ให้นั่งรถเมล์ รถไฟ รถสาธารณะมา ถ้าทำผิดกฎหมาย ตำรวจพร้อมดำเนินคดีบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ทางศาลได้จัดระเบียบความปลอดภัยของพื้นที่อยู่แล้ว ทราบว่ามีการขยายพื้นที่อนุญาตให้มวลชนมาให้กำลังใจ เพิ่มเติมจากครั้งก่อนๆ ด้วยซ้ำ แต่ย้ำว่าอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่ จนศาลอ่านคำตัดสินเสร็จเท่านั้น หลังจากนั้นต้องแยกย้ายกลับทันที หากปักหลักในพื้นที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แม้ศาลจะตัดสินออกมาในทิศทางใด ตำรวจวางมาตรการรองรับทุกทาง ขณะเดียวกันตำรวจได้ติดตามความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยอมรับว่าขณะนี้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พบมีกลุ่มแนวร่วม 24 ราย กำลังเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย กำลังเฝ้าจับตากลุ่มนี้อยู่ แต่ยังไม่พบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือเข้าทำนองยุยงปลุกปั่น จึงยังไม่ดำเนินคดีกับผู้ใด ที่ผ่านมาดำเนินคดีกับ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย เพียงรายเดียว”
Matemnews.com 18 สิงหาคม 2560