พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อตอนเช้าวันที่ 12 ก.พ.2562 ว่า
จากกรณีคนร้ายบุกเต็นท์ขายรถยนต์ “วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์” อ.นาทวี จ.สงขลา ปล้นรถกระบะไป 5 คัน เพื่อนำไปประกอบระเบิด เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ปรากฏตามภาพข่าวของสื่อมวลชน เหตุเกิด เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ จำนวน 5 ราย ได้ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลจังหวัดนาทวี ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.4835/2560 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 229/2562 ในฐานความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ก่อให้เกิดระเบิดความผิดต่อชีวิต พยายามความผิดต่อเสรีภาพ ปล้นทรัพย์ โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 5 ราย คือ
จำเลยที่ 1 นายอัตนันท์ สะอิ,
จำเลยที่ 2 นายภาณุมาศน์ หลีเส็น
จำเลยที่ 3 นายมะรอยี ราแดง
จำเลยที่ 4 นายฮารียะ การี
จำเลยที่ 5 นายอับดุลมานัส เจะเลาะ
คำสั่งพิพากษาของศาลจังหวัดนาทวี มีดังนี้
จำเลยที่ 1 นายอัตนันท์ สะอิ หรือนัน ศาลพิพากษาให้ “ประหารชีวิต” คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา,
จำเลยที่ 2 นายภาณุมาศน์ หลีเส็น หรือจา หรือมะ, จำเลยที่ 3 นายมะรอยี ราแดง หรือเปาซี หรือยี และจำเลยที่ 4 นายฮารียะ การี หรือแซะ ศาลพิพากษาให้ “จำคุกตลอดชีวิต” คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา,
จำเลยที่ 5 นายอับดุลมานัส เจะเลาะ หรือมาน ศาลพิพากษาให้ “จำคุก 2 ปี 8 เดือน” ความผิดฐานอั้งยี่ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา
ผลจากคำพิพากษาดังกล่าว เป็นไปตามพยานหลักฐาน และลักษณะฐานความผิด และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมุ่งบังคับใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่คำพิพากษาดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังให้ความสำคัญกับหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติทุกขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง และเท่าเทียมกัน
Matemnews.com
12 กุมภาพันธ์ 2562