นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 11 น.วันที่ 18 ก.พ.2562 ยื่นหนังสือ ขอให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จาก 3 ประเด็น ที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้
นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
“กกต.ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ ผมได้เห็นคำร้องยุบพรรค ทษช.ที่ กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว อ้างเหตุย้อนแย้งกันเอง โดย กกต.อ้างเพียงว่า กกต.ไม่รับพิจารณาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค ทษช.แต่กลับใช้กฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ว่าพรรค ทษช.กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเหตุยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค แต่ขณะเดียวกันกลับใช้มาตรา 14 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง รับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ทษช. แต่เรื่องที่ผมให้สอบพรรค พปชร.จำนวน 3 เรื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดที่เข้าข่ายยุบพรรคชัดเจนยิ่งกว่า โดยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่พรรค พปชร.กลับเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตของพรรค เท่ากับกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิไตย ขณะที่นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคก่อนเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เข้าข่ายครอบงำพรรค ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค กรณีโต๊ะจีน ถือว่าเข้าข่ายเป็นการแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน เข้าข่ายขัดหลักการจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 20 (2) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) เช่นกัน ผมเห็นคำร้องยุบพรรค ทษช.แล้ว ไม่ห่วงที่ตัวเองอยู่ในบัญชีรายชื่อ และไม่ห่วงว่าพรรคจะถูกยุบ เพราะเห็นขั้นตอนการเสนอเรื่องของ กกต.แล้วไม่มีการสืบสวน หรือให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรวบรวมพยานหลักฐานเสนอความเห็นให้ กกต.ลงมติ เมื่อเป็นการข้ามขั้นตอน ผมจึงไปศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งศาลยกเรื่องขั้นตอนที่นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นสาระสำคัญในการยกคำร้องมาแล้ว แต่ในคำร้องของผมวันนี้ ขอให้ กกต.อย่าทำข้ามขั้นตอน เพราะต้องการให้การเสนอยุบพรรค พปชร.เกิดความสมบูรณ์”
matemnews.com
18 กุมภาพันธ์ 2562