Home ข่าวทั่วไปรอบวัน กัญชา – ต้องคุมเข้ม

กัญชา – ต้องคุมเข้ม

389
0
SHARE

คณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ ประชุมที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เมื่อตอนเช้าวันที่ 22 ก.พ.2562   เลิกแล้ว นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย.แถลงข่าว

“ที่ประชุมมีมติรับรองร่างประกาศนิรโทษผู้ครอบครองกัญชา 3 ฉบับ โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมตามที่ได้มีการประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ด้วย  ประกาศทั้ง 3 ฉบับจะครอบคลุมบุคคล 3 กลุ่ม คือ

1. ผู้ศึกษาวิจัย

2.ผู้ป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ได้รับการรับรองการเจ็บป่วย จะอนุญาตให้ใช้ในปริมาณที่เพียงพอต่อการรักษาโรคเท่านั้น ที่เหลือต้องนำเข้าเป็นของกลาง แต่หากผู้ป่วยมีความจำเป็น ต้องใช้มากกว่านั้นก็แจ้งความประสงค์มา

3. บุคคลอื่นๆ

ทั้ง 3 กลุ่มนี้จะต้องมาแจ้งการครอบครองภายใน 90 วันหลังจากที่ประกาศร่างกฎหมายลงในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในวันนี้ 22 ก.พ. คณะกรรมการฯ จะส่งร่างฯ ให้รมว.สาธารณสุข ลงนาม และคาดว่าน่าจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษาภายในสัปดาห์หน้า

ในส่วนที่มีการปรับแก้เพิ่ม คือ เพิ่มบทบัญญัติให้ผู้สนใจนำกัญชาของกลางไปศึกษาวิจัยในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ แทนการนำไปทำลายทิ้ง เช่น ไปวิจัยหาสารสำคัญ ศึกษาสารปนเปื้อน เป็นต้น ดังนั้นแทนที่จะตั้งคณะกรรมการทำลายของกลาง ก็เป็นคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ แทน

ในส่วนของผู้ป่วยมีการแก้ไข  จากเดิมอนุญาตให้ผู้ป่วยใช้เฉพาะตำรับกัญชาสำเร็จรูปได้เท่านั้น ก็มีการแก้ไขให้มีการใช้ ต้น ใบ ดอก ของกัญชาสำหรับรักษาโรคได้ เพราะยังมีผู้ป่วยบางกลุ่มจำเป็นต้องใช้ ทั้งนี้ ในส่วนของแพทย์ที่สามารถใช้กัญชาได้ คือแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้ที่มีใบรับรองแพทย์แผนไทย หรือแผนไทยประยุกต์ รวมถึงกลุ่มหมอพื้นบ้านที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีการรับรองไปแล้วประมาณ 3 พันคน โดยขณะนี้มีการทำระบบข้อมูลเชื่อมต่อกับร่างระเบียบคุณสมบัติผู้ที่ใช้กัญชารักษาโรค ร่างนี้กำลังจะเสนอรมว.สาธารณสุข เช่นเดียวกัน  ทั้งหมดนี้จะสามารถใช้ได้จริงต้องผ่านการอบรมการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคจากกรมการแพทย์ที่กำลังร่างหลักสูตร

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข การขออนุญาตและการอนุญาต ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งตรงนี้มีการล็อคเอาไว้ว่าใน 5 ปี แรกต้องเป็นการทำร่วมกับหน่วยงานรัฐ เท่านั้น ในส่วนของภาคเอกชน หากเป็นนิติบุคคลต้องเป็นคนไทย 2 ใน 3 ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะมีการนำไปประชาพิจารณ์ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ พร้อมๆ กับร่างประกาศตำรับยา และร่างประกาศวิชาชีพที่สามารถปรุงยา เป็นต้น

 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงว่า สำหรับตำรับยาแพทย์แผนไทยที่จะมีการเอากัญชามาใช้ประโยชน์ปัจจุบันสังเคราะห์ได้ 96 ตัว แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ

1.กลุ่ม ก. มี 16 ตัว ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สูตรชัด วิธีการชัดสามารถใช้ได้เลย ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษากลุ่มอาการ ปวด นอนไม่หลับ เป็นต้น

2.กลุ่ม ข.กลุ่มที่มีสูตรชัด แต่วิธีการปรุงยายังไม่ชัด ต้องศึกษาเพิ่มเติม

3.กลุ่ม ค. ต้องศึกษาวิจัย

4.กลุ่ม ง. กลุ่มที่ยังติดขัดในข้อกฎหมายอื่นๆ เช่น อนุสัญญาไซเตส เพราะมีการห้ามใช้สมุนไพรบางตัว  

นักข่าวถาม  ขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองที่หาเสียงโดยการชูนโยบายปลูกกัญชาเสรี แต่ในแง่ของกฎหมายทำได้แค่ไหน นพ.ธเรศ ตอบ

ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 ระบุว่า ผู้ที่จะได้รับอนุญาตเช่น นักวิจัย มหาวิทยาลัย กลุ่มเกษตร วิชาหกิจชุมชน เหล่านี้ต้องมาแจ้งวัตถุประสงค์ของการปลูกอยู่แล้วว่าจะปลูกเพื่ออะไร ทำอะไร เช่นเพื่อทำวิจัย ทำร่วมกับใคร ปริมาณเท่าไหร่ หรือปลูกเพื่อส่งการแพทย์แผนไทยก็ต้องมีรายละเอียดว่าส่งใคร ปริมาณเท่าไหร่ คล้ายๆ กับการทำคอนแทคฟาร์มมิ่ง เป็นต้น หลักการคือไม่ได้อนุญาตให้มีการปลูกกัญชาเสรี  ทั้งนี้ก็เพื่อควบคุมการใช้กัญชาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่หลุดไปนอกระบบ และเพื่อให้ทราบปริมาณที่ชัดเจนเพราะประเทศไทยยังอยู่ภายใต้สนธิสัญญายาเสพติดระหว่างประเทศ อีกทั้งยังต้องรายงานโควตาการผลิต ส่งออก ให้กับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ  สำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิสต์เซอร์แลนด์ทราบด้วย

matemnews.com

22 กุมภาพันธุ์ 2562