นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อตอนเช้า 26 ก.พ.2562 ว่าด้วยการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นชอบร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก(ฉบับที่….) พ.ศ…. เพื่อแก้ไขสาระว่าด้วย หลักเกณฑ์การออกใบสั่งสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรที่กำหนดให้ใช้การบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับขี่ รองรับการใช้ใบขับขี่แบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ใบขับขี่ดิจิทัล) ว่า
กรมการขนส่งทางบกได้หารือตำรวจบ้างแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบการตัดแต้มใบขับขี่ และระบบการคืนแต้มใบขับขี่ ที่ต้องให้ผู้กระทำผิดเข้ามาอบรมที่กรมฯตามกฎหมาย โดยจัดหลักสูตรอบรมให้ผู้กระทำผิด รวมทั้งหลักเกณฑ์ให้โรงเรียนเอกชนสอนขับรถอบรมแทนด้วย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องส่งข้อมูลมายังกรมฯ เพื่อให้การทำงานเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน
หลักสูตรเพิ่มเติมที่จะจัดอบรมภาคทฤษฎีประมาณ 3-4 ชม. อาทิ กฎจราจร มารยาทการขับขี่ ข้อกำหนดตามกฎหมายต่างๆ ไม่ขับด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ และการขับรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุตลอดจนกฎเกณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ อาทิ ไม่ดูแลสภาพรถให้ดีหรือรถมีควันดำ การอบรมภาคปฎิบัติ ผู้กระทำผิดขับรถเป็นอยู่แล้ว เพียงแต่กระทำผิดกฎจราจรจึงไม่ใช่อบรม เพื่อขอใบขับขี่ใหม่ ดังนั้นต้องอบรมผู้กระทำผิดในหัวข้อต่างๆเพิ่มเติมตามฐานกระทำผิด กรมฯจะวางกรอบให้ทางโรงเรียนเอกชนสอนขับรถ นำไปใช้อบรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และต้องมีค่าใช้จ่ายไม่แพงจนเกินไป ต่อไปตำรวจจะไม่ยึดใบขับขี่ โดยสามารถเรียกตรวจใบขับขี่ดิจิทัล ผ่านแอพพลิเคชั่น DLT Smart Licence บนโทรศัทพ์มือถือสมาร์ทโฟนได้ กรมฯกำลังพิจารณาลักษณะการวางรูปแบบภาพถ่ายใบขับขี่ให้ตำรวจตรวจสอบได้ง่าย และนำไปปฎิบัติต่อได้
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สตช. ในฐานะคณะทำงานแก้ปัญหาจราจร แถลง ว่า กำลังประมวลเรื่องเสนอ พล.ต.ท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผช.ผบ.ตร. ดูแลงานด้านการจราจร เพื่อตั้งคณะทำงานยกร่างอนุบัญญัติประมาณ 8 ฉบับ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม โดย 8ฉบับ ประกอบกอบด้วยเรื่องหลักๆ อาทิการตัดแต้มใบขับขี่ โดยผู้ขับขี่จะมีคนละ 12 คะแนน เบื้องต้นแบ่งความผิดเป็น 3 ระดับคือ
ระดับที่ 1 ความผิดกระทบต่อตนเองและสาธารณะเล็กน้อย ตัด 1 แต้ม เช่นไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัด ใช้โทรศัพท์ขับรถ และ ขับรถเร็ว
ระดับที่ 2 กระทบสาธารณะปานกลางตัด 2 แต้ม เช่น ผ่าไฟแดง และขับรถย้อนศร และ
ระดับที่ 3 กระทบสาธารณะรุนแรง ตัด 3 แต้ม เช่น เมาแล้วขับ เสพยาเสพติด และ ขับชนแล้วหนี
สามารถกำหนดข้อหาเพิ่มได้แต่ต้องประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง
หากคะแนนถูกตัดทั้งหมด ต้องพักใช้ใบขับขี่ 90 วันก่อน ทั้งนี้ภายใน 3 ปีถูกพักใช้ใบขับขี่เกินกว่า 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 จะถูกพักใช้ 1 ปี
หากกระทำผิดครั้งที่ 3 แล้วยังอยู่ในระยะควบคุมความประพฤติ 1 ปี ถ้ากระทำผิดอีกจะถูกพักใช้เป็นครั้งที่ 4 และจะถูกเพิกถอนใบขับขี่
การคืนคะแนน หากคะแนนถูกตัดไป 8 แต้ม เหลือไม่เกิน 4 แต้ม ต้องขออบรมและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบรมเอง โดยต้องอบรมที่ขบ.หรือโรงเรียนสอนขับรถที่ขบ. ให้การรับรอง จากนั้นต้องสอบให้ผ่านถึงจะได้รับแต้มคืน เนื้อหาอบรมจะหารือกับ ขบ. อีกครั้งเบื้องต้นคาดว่าต้องเกี่ยวกับการขับรถ ความปลอดภัย และวินัยจราจร
กฎหมายใหม่นี้จะยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่โดยตำรวจ ให้ผู้ขับรถแสดงใบขับขี่แบบดิจิทัลได้ จะพยายามยกร่างกฎหมายให้เสร็จแล้วภายในเดือน มี.ค. 62 จากนั้นจะทำประชาวิจารณ์ช่วง ต้น เม.ย.62 เพื่อรวบรวมความเห็นเสนอ ผบ.ตร. ประกาศใช้ กฎหมายมีผลบังคับใช้ภายใน120 วันนับจากวันที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้แน่นอน
matemnews.com
26 ก.พ.2562