คลิกอ่านข่าว พลเอก ประยุทธ์ ตรวจราชการเมืองคอน บอกเป็นหัวหน้าครอบครัว มีลูกกว่า 68 ล้านคน ต้องดูแลทั่วถึง
“พิชัย นริพทะพันธุ์” ถามสวน “บิ๊กตู่” จบอะไรมา? ถึงกล้าบอกว่าคนบอกเศรษฐกิจไม่ดีตกเลข เลอะเทอะ เย้ย ที่ชาวเน็ตแฮชแท็ก #ใครลูกมึง เพราะคิดว่าพ่อต้องฉลาดกว่านี้มาก ชี้ คนคิดวางแผนก่อนปฏิวัติ 6 เดือนมีส่วนก่อความไม่สงบด้วยหรือไม่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน สมาชิกกลุ่มก้าวหน้าเพื่อประชาธิปไตย แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อตอนเช้าวันที่ 20 มี.ค.25862 ว่า
ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าบอกว่าเศรษฐกิจปัจจุบันดี คนที่บอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดี คนพวกนี้ตกเลข เลอะเทอะ บัญญัติไตรยางค์ผิด ก็อยากถามสวนกลับว่า พลเอกประยุทธ์ จบอะไรมา ถึงกล้าพูดแบบนี้ เก่งเศรษฐกิจนักหรือ เหมือนที่เคยถามพิชัยไว้ในเวทีการประชุมนานาชาติ G77 เพราะ ขนาดพลเอกประยุทธ์เองยังไม่ทราบตัวเองเลยว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ จะไปทราบความเดือดร้อนของประชาชนทางเศรษฐกิจได้อย่างไร หากจำกันได้พลเอกประยุทธ์ยังสอนให้ประชาชนผลิต รองเท้าแตะ แปลงสีฟัน ยาสีฟัน ส่งออกตีตลาดโลกอยู่เลย ซึ่งหากคิดได้เพียงเท่านี้ยังกล้ามาบอกว่า เศรษฐกิจปัจจุบันดี ก็อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆ และ พยายามศึกษาดูตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมปีนี้ที่หักหัวลงติดลบถึง – 5.7% และตลอด 5 ปีที่บริหารประเทศมา เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 3 % เท่านั้น ซึ่งต่ำมาก และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีฐานเศรษฐกิจคล้ายกัน อีกทั้งการลงทุนหดหายไปมากจนแทบไม่เหลือ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็เคยยอมรับเอง แค่ตัวเลขพวกนี้ไม่ต้องให้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็สามารถบอกได้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน คงมีแต่พลเอกประยุทธ์ และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เท่านั้นที่กล้าบอกว่าเศรษฐกิจดี ทั้งๆที่โพลสำรวจทุกสำนักและทุกครั้ง ก็บอกว่ารัฐบาลสอบตกทางด้านการบริหารเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวเน็ตถึงได้แห่ติดแฮชแท็ก #ใครลูกมึง จนติดอันดับ เพราะคงน่าจะคิดกันว่า พ่อต้องฉลาดกว่านี้มาก ซึ่งหากประชาชนคนใดคิดว่าเศรษฐกิจดีก็ให้เลือกการพลเอกประยุทธ์เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีและต้องการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเลือกฝั่งประชาธิปไตย เพราะหากเลือกพลเอกประยุทธ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเพราะคิดว่าเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องความสงบที่พยายามถูกนำมาเป็นจุดขายนั้น อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าคนที่ให้สัมภาษณ์และลงประวัติตนเองยอมรับว่าคิดและวางแผนทำปฏิวัติมา 6 เดือนล่วงหน้า จะมีส่วนรู้เห็นกับความไม่สงบด้วยหรือไม่ ก็น่าจะทราบคำตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังของความไม่สงบนี้ หากปล่อยให้มีการนำความไม่สงบมาหาเสียงก็เท่ากับส่งเสริมให้มีการประท้วงและการปฏิวัติรัฐประหารอีกในอนาคต ซึ่งประเทศไทยได้เสียโอกาสอย่างมากในการพัฒนาประเทศเพราะถูกการปฏิวัติรัฐประหารนี้มาโดยตลอด และถึงเวลาที่จะต้องหยุดไม่ให้มีการปฏิวัติรัฐประหารกันอีกต่อไปแล้ว
matemnews.com
20 มีนาคม 2562