Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์พูดอะไรในการพูดคืนศุกร์สุดท้าย

พลเอกประยุทธ์พูดอะไรในการพูดคืนศุกร์สุดท้าย

505
0
SHARE

เว็บไซต์รัฐบาลไทย  เผยแพร่

https://goo.gl/t5QZpM

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562 เวลา 20.15 น.

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

ผมขอขอบคุณนะครับ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ที่ได้ให้ความสนใจติดตามรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” และรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” มาโดยตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รายการนี้ได้น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” อันเป็นหนึ่งในศาสตร์พระราชาที่สำคัญ โดยการให้หลักคิดและยกระดับจิตใจ เพื่อให้สามารถนำไปสู่การพัฒนาประเทศในภาพรวมได้ในที่สุดนะครับ ดังนั้น เนื้อหาสาระของรายการ นอกจากจะน้อมนำศาสตร์พระราชาในมิติต่าง ๆ มากล่าวกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วนแล้วนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ ส่งเสริมความเข้าใจ และขอความร่วมมือด้วยไปพร้อม ๆ กัน รวมทั้งจะมีการถ่ายทอดไปยังข้าราชการทุกระดับ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แล้วผมก็ถือว่าเป็นช่องทางสื่อสารที่สำคัญของนายกรัฐมนตรีกับพลเมืองไทยทุกคน ทุกอาชีพ และทุกวัย ในการแถลงแนวคิด นโยบาย รายงานผลการดำเนินงาน และแจ้งเตือนภัย อีกทั้งการปลูกต้นไม้ในใจคน คนไทยนะครับ ด้วยการกระตุ้นเตือนด้านคุณธรรม จริยธรรม ที่เริ่มแห้งเหือดไปจากสังคมไทย มาพอสมควร และการปลูกจิตสำนึกความรักบ้านเมืองแผ่นดินเกิด ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นไทย ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ด้วยการช่วยกัน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ตามพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

หลังจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศชาติและประชาชนไทย สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ใกล้จะมาถึง ในห้วงวันที่ 4, 5 และ 6 พฤษภาคม ศกนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเดือนพฤษภาคม ดังนั้น เนื้อหารายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ต่อไปจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติ  พระราชกรณียกิจ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รวมทั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระราชพิธี ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยนี้อีกครั้งหนึ่ง ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งก็มีอยู่หลายเหตุการณ์นะครับ อาทิ การเตรียมน้ำอภิเษกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ การจารึกพระสุพรรณบัฏ แกะดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกร และการเสด็จออกสีหบัญชร ให้ประชาชนได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล และขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค (ทางบก) และทางชลมารค (ทางน้ำ) เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ และมีส่วนร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยรัฐบาลขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง เป็นเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป สำหรับข้อมูลข่าวสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรายละเอียด สามารถติดตามได้จากช่องทางต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอนะครับ

(www.phralan.in.th /FB : พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 / โทร 1257/ ศูนย์สื่อมวลชนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ณ กรมประชาสัมพันธ์)

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ

การเดินหน้าประเทศของเราตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตาม Roadmap ของ คสช. นั้น ตั้งแต่การฝ่าทางตันทางการเมือง การก้าวข้ามความขัดแย้ง การปลดล็อคด้านงบประมาณ เพื่อจะคืนความสุขให้กับคนไทย คืนรอยยิ้มให้แผ่นดินเรา  การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการผ่านประชามติ ตามหลักการประชาธิปไตย เพื่อแก้ปัญหาในอดีต การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต ไปสู่ยุคดิจิทัล ไปจนถึงการกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ และยกระดับความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศในสายตาชาวโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับเชิญให้ไปเยือนประเทศชั้นนำของโลกอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมประชุมเวทีนานาชาติครั้งสำคัญหลายครั้ง รวมทั้งผลการจัดอันดับด้านต่าง ๆ ก็ดีขึ้นตามลำดับ แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ กลับมาเยือนไทยเป็นจำนวนมากกว่าที่เคยมีมา สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ทุกคนคงทราบและจำได้ดีว่า เราทุกคนได้ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค และสิ่งที่ส่งผลร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองอะไรกันมาบ้างนะครับ ท่ามกลางความขัดแย้งในแทบทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง กระบวนการยุติธรรม ท่ามกลางการสร้างแนวความคิดใหม่ ๆ ซึ่งไม่ได้มาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชน หาประโยชน์จากประชาชนบ้าง ให้มีความหวังโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ข้อเท็จจริง ปัญหาทับซ้อน รวมทั้งบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสีย หรือละทิ้งโอกาสที่รัฐบาลนี้ได้สร้างไว้ด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณพี่น้องข้าราชการนะครับ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคน ที่ได้ร่วมกันเป็นสะพานให้พี่น้องประชาชนได้ก้าวข้ามกับดักต่าง ๆ ในอดีต ก้าวหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกัน จับมือ จูงมือกัน นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปนะครับ

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ

ชีวิตนั้นไม่อาจหยุดนิ่ง ประเทศชาติก็ไม่อาจหยุดเดิน นะครับ ประชาชนยังคงต้องทำมาหากิน โรงงานยังคงผลิตสินค้าเพื่อส่งขายตลาด โครงสร้างพื้นฐานยังต้องดำเนินไปตามแผนการลงทุน ยังต้องการความต่อเนื่องทุกอาชีพ ทุกกิจกรรม ซึ่งยังคงมีความยากลำบาก ปัญหาน้อยใหญ่ยังรอการแก้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

ผมขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร จากทุกช่องทางที่เป็นประโยชน์ และเชื่อถือได้

ทั้งช่องทางของรัฐบาล กระทรวง กรม หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมในการเดินหน้าประเทศของเรา  ผมจะยังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป  ให้บ้านเมืองของเราสามารถเปลี่ยนผ่านไปได้ ด้วยความสงบสุข ได้ดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูป 11 ด้าน และแผนแม่บทต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด ไม่หยุดชะงัก ภายใต้บริบทของโลกที่ยังคงผันผวนและอยู่เหนือการควบคุม ทั้งนี้ก็เพื่อจะรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคงของประเทศไว้ให้ดีที่สุด เรายังมีทั้งวิกฤตและโอกาสอยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนอยู่นะครับ

สิ่งที่ผมเป็นห่วงในปัจจุบันก็คือ ความพยายามจะสร้างเงื่อนไขในสังคม เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ซึ่งอาจนำมาสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ในอนาคต ได้แก่ (1) ความเป็นประชาธิปไตย และไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งควรยุติได้แล้วนะครับ เพราะเราผ่านการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม มาแล้ว และทุกพรรคการเมืองได้รับเสียง ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ตามครรลองประชาธิปไตย ที่เรารอคอย แล้วก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของเรา ที่ผ่านการลงประชามติมาแล้ว (2) คนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ ก็เป็นอีกวาทกรรมสร้างความแตกแยก แบ่งคนในสังคม รวมทั้งในครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันพื้นฐาน ขอให้ลองทบทวนดูนะครับ แม้เราอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เรียนตำราเล่มเดียวกัน แต่อาจมีความเห็นที่แตกต่างได้ เนื่องจากผ่านประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาต่างกัน

คนอายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากจะมีภาพจำดี ๆ ยุคโชติช่วงชัชวาล และเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า  ที่ไทยเกือบจะก้าวไปเป็น “เสือตัวที่ 5” ของเอเชียมาแล้ว แต่ก็มีภาพจำที่ไม่ดี เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 แล้วก็พฤษภาทมิฬ ปี 35 นะครับ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง การลอยตัวค่าเงินบาท การเป็นหนี้ IMF การชุมนุมและการสลายการชุมชนทางการเมือง ห้วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นต้น ในขณะที่ต่างคน ต่างช่วงวัย ก็ย่อมจะผ่านชีวิต มีภาพจำทั้งที่ดี ไม่ดี มากน้อย แตกต่างกันไป เช่น เด็กอายุ 18 ปี ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้ง ครั้งนี้ อาจไม่เคยสนใจการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลและ คสช. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะมุ่งศึกษาเล่าเรียน ตามหน้าที่ของตน

      อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณทุก ๆ คนนะครับ เคารพทุกคนที่ออกมาใช้เสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ ขอให้ทุกคนเคารพเสียงของประชาชน และมีสติในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ผมเคารพในความตัดสินใจของประชาชนเสมอ ถือว่าเป็นวิถีของประชาธิปไตย ผมขอให้เราทุกคนรักบ้านเกิดเมืองนอนของเราให้มาก ทั้งนี้ การจะร่วมกันนำพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้นั้น จะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ ต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์  ความเป็นไทยของเรา และต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของบ้านเมือง ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของเรา ซึ่งมีมาอย่างยาวนาน กว่า 1,400 ปี จวบจนปัจจุบันนะครับ อย่าลืมว่า เราทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เป็นผลตอบแทนมาเสมอ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี  เราจะทำเพื่อส่วนรวมไปด้วยได้ไหม มากกว่าจะทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนเพียงอย่างเดียวนะครับ

พี่น้องประชาชนครับ

สิ่งที่ผมต้องการจะฝากให้รัฐบาลใหม่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากที่รัฐบาลนี้ได้เริ่มไว้แล้ว เพื่อประโยชน์ของคนในชาติ อาทิ การจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้สมพระเกียรติ การทำหน้าที่ประธานอาเซียนให้สมบูรณ์ การดูแลพี่น้องประชาชน กลุ่มฐานราก ค้าปลีก ค้าออนไลน์ และอาชีพอิสระ การดูแลคนทุกช่วงวัย ตามขีดความสามารถของแต่ละบุคคล หรือศักยภาพครอบครัว หรือพื้นฐานรายได้ การพัฒนาเด็กแรกเกิด โดยดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ให้มีพัฒนาการที่ดี สมวัย การพัฒนาคุณภาพชีวิต จัดหาที่อยู่อาศัย ยกระดับมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภทเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสร้างแรงงานทักษะสูงในอนาคต ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ลดการพึ่งพารัฐ เข้มแข็งด้วยตนเองก่อน จัดการศึกษา ให้หลักคิดที่สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน โลกาภิวัฒน์ โลกดิจิทัล เพิ่มการเรียนรู้ และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เกิดประโยชน์ พัฒนาครู ยกระดับฝีมือแรงงาน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นของเราเอง การพัฒนาประเทศ โดยใช้บุคลากรจากภายนอกในช่วงเริ่มต้น การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ และศาล แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ผลักดันกฎหมายขายฝาก เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน ตั้งธนาคารชุมชน ส่งเสริมการรวมกลุ่ม ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มอำนาจต่อรอง ปรับปรุงโครงสร้างการเกษตรทุกประเภท ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ลดต้นทุนราคาปุ๋ย การใช้ Area based ในการบริหาร ปรับเปลี่ยนการปลูกพืช และสนับสนุนการรวมกลุ่ม เพื่อส่งเสริมได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตามศักยภาพ มีการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการทั้งระบบ การแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย การปรับโครงสร้าง กลไก กฎ ระเบียบ ลดข้อจำกัด ปรับปรุงบริการรัฐ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงระบบภาษี ให้เกิดความเป็นธรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม เพิ่มรายได้ให้กับประเทศ สอดคล้องกับรายจ่าย ที่ต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การหารายได้ของประเทศเพิ่ม และผลักดันการลงทุนเพื่ออนาคต การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การจัดตั้ง EEC และ SEZ 10 แห่ง เปิดช่องทางและโอกาสให้กับทุกฝ่าย ตลอดจนการสร้างความเชื่อมโยง สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางพลังงาน พลังงานหลัก พลังงานหมุนเวียน และส่งเสริมการมีส่วนร่วม PDP (แผนพัฒนาการผลิตพลังงานของประเทศ) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ กระแสสื่อโซเชียล ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และภาษาอาเซียน ตลอดจนการเจรจาทางการค้า RCEP + ACMECS + GMS แม่น้ำโขงและอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ 5 ปีที่ผ่านมา นโยบายเดิมของรัฐบาลก่อนหน้า อะไรที่ดี ที่ประชาชนได้รับประโยชน์ ผมก็ได้ต่อยอด พัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพให้สูงให้ดีขึ้น โดยยึดความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมืองเป็นหลักชัยสำคัญนะครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน นักการเมือง พรรคการเมือง ช่วยกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ขอให้ปวงชนชาวไทย ยึดมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ยุติความขัดแย้ง ขจัดเงื่อนไขความแตกแยกในสังคม เพราะเรายิ่งขัดแย้งกันนานเท่าไร ประเทศชาติและประชาชนก็จะยิ่งเสียหาย และเสียโอกาสมากขึ้นเท่านั้น จนอาจทำให้ศักยภาพของเราถดถอย เป็นวิกฤติในทุกมิติ เราต้องร่วมมือกันสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับสังคมและประชาชน ด้วยความรู้คู่คุณธรรมให้มากที่สุดนะครับ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ขอบคุณครับ ขอพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอานุภาพพระสยามเทวาธิราช ทรงปกปักรักษา คุ้มครองภัย ให้บ้านเมืองของเราและคนไทยทุกคน มีแต่ความสันติสุขโดยทั่วกัน  สวัสดีครับ

……………………………………………………………..

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

matemnews.com 

29 มีนาคม 2562