“รู้สึกเสียใจที่วันนี้ฝ่ายความมั่นคงถูกมองเป็นจำเลยของสังคม ทั้งที่อีกฝ่ายไม่มาฟังคำตัดสินตามนัด และที่ผ่านมาก็หลบหนีไปหลายคน ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย แต่ยอมรับว่ายังไม่สามารถตอบเส้นทางการหายตัวไปได้ เพราะในอดีตมีการออกมาตรา 44 ให้มีการขออนุญาตก่อนจะเดินทางต่างประเทศ แต่ฝ่ายการเมือง สื่อและนักสิทธิมนุษยชนบอกว่าเป็นการละเมิด จึงได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเส้นทางการหลบหนี โดยกระทรวงต่างประเทศได้ประสานกับกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมทั้งสิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตรวจสอบด่านตรวจ และด่านศุลกากร วิทยุการบินและท่าอากาศยาน หากเป็นภายในประเทศก็สามารถตรวจสอบได้หมด แต่หากในต่างประเทศต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงเกาะติดความเคลื่อนไหวน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาโดยตลอดแต่กลับหลบหนีไปได้นั้น ได้ชี้แจงไปแล้วว่าที่ผ่านมามีความวุ่นวายสับสนในเรื่องการติดตามทุกที่ทุกแห่ง กลายเป็นว่าเราไปรังแก จึงสั่งฝ่ายความมั่นคงให้ถอยออกมา แต่ยังมีจุดเข้า-ออกรอบบ้านพัก แต่เมื่อออกนอกบ้านไปแล้ว การติดตามก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีรถและทีมตามจำนวนมาก และในเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ใช่ผู้ต้องหาจึงไม่สามารถติดตามตัวได้ตลอด จึงขอให้เข้าใจ ไม่ใช่การแก้ตัว แต่หากออกไปในช่องทางที่เจ้าหน้าที่รู้เห็นก็ต้องมีการลงโทษหมดทุกคนที่เกี่ยวข้อง เดี๋ยวก็รู้ว่าออกไปได้อย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คสช. หรือฝ่ายความมั่นคง ก็ไม่มีทาง เว้นแต่คนชั่วบางคน ถ้ามีการปล่อยปละละเลย มีการได้รับผลประโยชน์ ดังนั้นประเด็นเหล่านี้ที่ถามว่าจะเป็นบรรทัดฐานนักการเมืองที่ไม่เคารพกระบวนศาลหรือไม่ ถ้ารู้ว่าไม่รอด มันก็ต้องเป็นบรรทัดฐานคนทำความผิด เราต้องบอกสังคมว่า ถ้าคนที่เราเชื่อมั่น คนที่เรารัก คนที่เราศรัทธาแล้วเป็นอย่างนี้ สังคมจะว่าไง คนที่ทำความผิด คนที่หลบหนีหลีกเลี่ยงไปกลายเป็นเรื่องรองไปเลย แต่มาเอาเรื่องคนทำ เดือดร้อน ผมว่าไม่เกินความสามารถ แต่ต้องขอเวลา ขออย่าคาดการณ์กันไปก่อนว่ามีการหลบหนีไปยังประเทศใด ขณะที่การขอส่งตัวต่างๆนั้น ท่านแรกยังไม่สามารถกลับมาได้เลย แต่กลับเคลื่อนไหวไปเรื่อย ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับทายาทกระทิงแดง ที่ต้องประสานกับตำรวจสากลไป 170 ประเทศก็ยังกลับมาไม่ได้ แต่ยืนยันว่าต้องลงโทษให้ได้ตามวิธีทางกฎหมาย ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการเคลื่อนไหวในต่างประเทศก็เป็นเรื่องไม่สมควร ในเมื่อได้กระทำความผิด ซึ่งความผิดขณะนี้มีอย่างเดียวคือหลีกเลี่ยงการไปศาล แต่เรื่องคดีต้องรอฟังคำตัดสินในเดือนกันยายน อย่านำเรื่องนี้มาบอกว่าคสช. รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงล้มเหลวทั้งหมด หลายคนก็หนีไปนอกประเทศก็หาขั้นตอนกันต่อว่าจะเอากลับมาได้อย่างไร ส่วนเรื่องลี้ภัย ตอนนี้อย่าเพิ่งพูด จะลี้ภัยเรื่องอะไร เขาหนีประกันศาลออกไปแต่ยังไม่ตัดสินเลย จะลี้ภัยได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ไม่น่าจะได้ ส่วนสถานการณ์ความสงบอยู่ที่ประชาชนทุกคน น่าจะเรียนรู้และเข้าใจ อย่าเอาหลายอย่างมาปะปนกัน การพิจารณาคดี การหนีศาล และการเมืองมาตีกันเละไปหมด”
พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวข้างต้นในการแถลงข่าวหลังการประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่าย 29 ส.ค.2560
กล่าวมาถึงตอนนี้นักข่าวถามขึ้นว่า ท่านนายกฯกังวลหรือไม่ว่า การหายตัวไปของน.ส.ยิ่งลักษณ์จะซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบว่า
“ยอมรับว่ากังวล เจ้าหน้าที่ทุกคนก็กังวล เพราะประชาชนยังให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มาก แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการ หากหลบหนีคดี ก็ต้องลดการให้เกียรติลงไป เพราะได้ให้เกียรติมาตลอด หากตัดสินคดีในวันที่ 27 กันยายนนี้ ผิดหรือถูกก็ว่ากันตรงนั้น ก็จะเป็นเหมือนอดีตนายกฯอีกท่าน ซึ่งเมื่อออกไปแล้วก็จะลำบากพอสมควร วันนี้อย่ายกภาระความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผม ผมก็หนักอก ถ้าเป็นผมจะรู้ว่าทำไม่ได้ จะช่วยใครก็ช่วยไม่ได้ อย่าเอาเรื่องนี้ไปพันเรื่องโน้น วันนี้คลิปอะไรออกเต็มไปหมด มันคนละเวลา ผมก็เป็นลูกน้อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็เคารพทุกคน ส่วนจะออกทางไหน รูไหนช่องไหนใครพาออกไป รถของใคร มันปิดกันไม่มิดหรอก เดี๋ยวก็หาเจอจนได้ ใจเย็นๆอย่าให้เรื่องอื่นพังไปด้วย ผมขอร้องอย่าให้สิ่งที่ผมพยายามทำมา 3 ปีล่มสลายไปเพราะคนคนเดียว ผมขอแค่นี้ถ้าเชื่อมั่นผม ผมก็จะทำให้ ผมจะไม่ยอมให้ล่มสลาย”
matemnews.com 29 ส.ค.2560