http://www.thaigov.go.th
นายกรัฐมนตรียืนยัน คำสั่ง ม.44 แก้ไขปัญหาผลกระทบเหมืองแร่ทองคำ เพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่าไม่กระทบกับประชาชนในพื้นที่ ระบุรัฐบาลให้ความสำคัญประชาชนมากกว่าผลประโยชน์
วันนี้ (29 สิงหาคม 2560) เวลา 14.30 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชา 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีการออกคำสั่ง ม.44 เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ภายหลังจากบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ผู้ประกอบการเหมืองแร่ ของออสเตรเลีย เป็นผู้ร่วมทุนใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหายทางธุรกิจมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 30,000 ล้านบาท ว่า ขออย่านำคดีรับจำนำข้าวมาเทียบกับเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งกรณีของบริษัทอัครา รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการเพราะมีการเรียกร้องจากประชาชน จึงจำเป็นต้องสั่งให้หยุดการทำงานเพื่อให้มีการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่ามีผลอะไรหรือไม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการทำเพื่อประชาชนแม้ในทางกฎหมายมีทางสู้มากมาย แต่ก็ควรจะเสี่ยง ขณะเดียวกันควรคำนึงถึงประชาชนเพราะส่วนตัวไม่ได้ประโยชน์จากการ เปิด – ปิดเหมืองแร่ พร้อมกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่า จะได้เงินหรือเสียเงินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะไม่เกิดความชัดเจน รวมถึงเกิดการเรียกร้องเดินขบวน ขณะที่ส่วนตัวทำตามคำเรียกร้องพอเกิดปัญหากลับให้รัฐบาลรับผิดชอบ จึงมองว่าเป็นคนละเรื่องกับคดีรับจำนำข้าวเพราะจำนำข้าวเป็นเรื่องของการทุจริตจึงขอให้แยกแยะด้วย
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังไม่ได้มีการเรียกร้องใด ๆ เพราะอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและยังไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดหรือถูกแต่หากเป็นเรื่องกฏหมายระหว่างประเทศก็ต้องสู้คดีต่อไป ซึ่งหากมีการใช้มาตรา 44 ส่วนตัวไม่ต้องกลัวอะไรเพราะมาตรา 44 คุ้มครองอยู่แล้ว จึงขอให้แยกแยะว่าส่วนตัวทำเพื่อใคร แต่ยืนยันจะพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
คลิกอ่านมติชน
เผยเนื้อหาแถลงการณ์บ.คิงส์เกต เรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย กรณีใช้ม. 44 ปิดเหมืองอัคราขัดข้อตกลงทาฟต้า
matemnews.com 29 สิงหาคม 2560