“วันนี้การพัฒนาเศรษฐกิจ และสินค้าส่งออกถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ และวันนี้เราต้องพัฒนาประเทศของเราให้พ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง วันนี้ผมไม่มีอะไรจะกล่าวไปมากกว่ายินดี และภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ่านประเทศของเราไปสู่ความยั่งยืน หลายคนถามผมว่า ผมเหนื่อยหรือไม่ ซึ่งผมตอบเลยว่าผมไม่เหนื่อย ผมเหนื่อยไม่ได้ ท้อไม่ได้ ผมจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น หลายคนขอบคุณผมที่ทำให้ธุรกิจดีขึ้น โดยเฉพาะการประกอบการที่มีการสั่งซื้อมากขึ้น ก็สืบเนื่องจากการจัดทำนโยบายของรัฐบาล การปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เป็นสากล วันนี้เรามีคณะทำงานทั้งในส่วนของยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปเศรษฐกิจ ต้องขอบคุณรองนายกฯสมคิด ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ได้ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติและทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ทั้งหมดเราต้องทำให้มากกว่าเดิม โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เตรียมพร้อมในการรับมือจากปัจจัยต่าง ๆ และปัญหาจากทั่วโลก ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง รัฐบาลจะพัฒนาหรือนำพาประเทศไปเพียงผู้เดียวไม่ได้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยทำความเข้าใจ และขยายความเข้าใจไปสู่ประชาชน เพราะถือว่าทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าเราไม่ได้รับความร่วมมือทุกอย่างก็ไปไม่ได้ รัฐบาลพูดคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันจะไม่เข้าใจกันทั้งหมด ส่งที่รัฐบาลทำได้วันนี้คือการสร้างความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ การเมืองก็คือการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในส่วนภาคเศรษฐกิจทุกประเทศก็ให้ความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมและรองฯสมคิด ได้มีการพูดคุยกับผู้นำประเทศต่าง ๆ ในเรื่องของเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศ ที่ต้องพัฒนาเดินตามความจำเป็น และเหตุผลของแต่ละประเทศ และเราเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร โดยเรากำลังเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าเราต้องการทำให้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลอย่างยั่งยืน จะต้องแก้ปัญหาทั้งหมดให้ได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยเริ่มจากต้นทาง ผมยืนยันว่า ผมยังคงมุ่งมั่นทำให้เศรษฐกิจ และประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้โดยอาศัยการพูดจา หากมีอะไรขอให้บอกมา วันนี้ผมเหนื่อยไม่ได้ ขอบคุณกำลังใจที่ให้มา แต่ผมก็ยังเหมือนเดิม พยายามจะลดปัญหา ภาระอื่น ๆ ออกไปบ้างแล้วหันมาเดินหน้าประเทศ น่าจะดีกว่าผมไม่อยากไปทะเลาะ ขัดแย้งกับใครอีก ขอให้ทุกคนมีหลักคิดที่ถูกต้องในการทำงาน เข้าใจ และช่วยกันพูดทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมีปัญหาอะไรขอให้บอก เรื่องที่ต้องแก้ไขให้เป็นศูนย์ให้ได้ คือ เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ที่ได้สัญญาไว้กับคนทั้งประเทศ ต้องทำให้โปร่งใส ไม่มีทั้งผู้รับและผู้ให้ผลประโยชน์ เราต้องทำให้ได้ ขอให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น จะได้มีเงินจ่ายภาษีได้มากขึ้น แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้ขึ้นภาษี อย่าคิดมาก วันนี้เราต้องทำให้แรงงานมีความสุข และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจะได้เป็นกุศล เวลานี้ประเทศไทยอย่าไปขัดแย้งกัน เพราะโลกมีความขัดแย้งสูงอยู่แล้ว เราต้องช่วยกันลดความขัดแย้งให้ได้ เรามีหน้าที่ในการพิทักษ์โลก แม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ เพราะดิน ฟ้า อากาศ เชื่อมโยงกันทั้งโลก การเปลี่ยนแปลงสภาวะทางอากาศ โรคภัยไข้เจ็บพัฒนา เราก็ต้องพัฒนาสาธารณสุขให้รองรับให้ได้ รัฐบาลมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุกเรื่อง ปฏิรูปประเทศ 37 เรื่อง 200 กิจกรรม รวมแล้วมีพันกว่าเรื่องย่อยที่ต้องดำเนินการ ทั้งกฎหมาย 5 หมื่นฉบับ ที่ต้องปฏิรูปทั้งหมด เขาเรียกว่าการปฏิรูป ไม่ใช่ว่าปฏิรูปสั่งวันนี้พรุ่งนี้เสร็จ แบบนั้นไม่ได้ การอำนวยความสะดวก การให้ข้อมูลข่าวสาร การทำกฎกติกาให้เป็นสากล เราจะทำต่อไป และส่งมอบให้รัฐบาลต่อ ๆ ไปได้ดำเนินการ”
ข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว ขณะเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2560 (Prime Minister’s Export Awards 2017) ที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 30 ส.ค.2560
matemnews.com 30 สิงหาคม 2560