สืบเนื่องจากเหตุการณ์แก๊ซกระป๋องเตาแก๊สปิกนิกแบบใช้ก๊าซ อัดกระป๋องระเบิดในร้านหมูกระทะบุฟเฟ่ต์แห่งหนึ่งที่ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ส่งผลให้ลูกค้าที่กำลังนั่งกินได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เมื่อช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเตาแก๊สปิกนิกร้านหมูกระทะระเบิด เนื่องจากเตาแก๊สแบบกระป๋องเป็นกระป๋องที่ใส่ด้านล่างของเตา และเมื่อจุดเตาทำให้มีความร้อนก็จะมีความเสี่ยงจากความร้อนด้านบนเปิดแบบรุนแรงเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่กระป๋องก๊าซ LPG ด้านล่าง เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ความร้อนสูงพอจนถึงจุดก๊าซ LPG รวมทั้งเป็นการไหม้ในกระป๋องก็จะเกิดการติดไฟและระเบิด จึงไม่ปลอดภัยในการใช้แก๊สบนโต๊ะอาหาร
ทั้งนี้ สถานที่จำหน่ายอาหารมีความเสี่ยงก่อให้เกิดอันตราย และไม่ปลอดภัย เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหารปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย
รองอธิบดีกรมอนามัย บอกอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 โดยบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2561 เรื่องการควบคุมสุขลักษณะสถานที่ขาย ข้อ 17 ห้ามใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในการปรุงอาหารบนโต๊ะหรือที่รับประทานอาหาร หากสถานที่จำหน่ายอาหารฝ่าฝืนกฎกระทรวง ความในมาตรา 6 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และรวมไปถึงกฎหมายท้องถิ่นได้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2545 ข้อ 9 (10) ห้ามใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในการทำ ประกอบ ปรุงอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหาร หากสถานที่จำหน่ายอาหารฝ่าฝืนข้อบัญญัติท้องถิ่น ตามความในมาตรา 40 (6) ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกิน 25,000 บาท
สำหรับการนำก๊าซอัดกระป๋องมาใช้ในบ้าน ผู้ใช้เตาแก๊สแบบกระป๋องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ควรใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันจนทำให้ความร้อนมีการสะสมตัวมากพอและเกิดความเสี่ยงที่จะทำให้กระป๋องก๊าซเกิดการระเบิดได้ รวมทั้งห้ามนำมาอัดแก๊สเพื่อใช้ใหม่