Home ข่าวทั่วไปรอบวัน บ้านลอยน้ำ”Seasteading ขึ้นฝั่งแล้ว

บ้านลอยน้ำ”Seasteading ขึ้นฝั่งแล้ว

435
0
SHARE

 

 

เฟชบุ้ค Wassana Nanuam

https://bit.ly/2ZvJhsy

บ้านขึ้นบก

 

ทัพเรือภาค 3 “ลาก”บ้านลอยน้ำ”Seasteading ขึ้นฝั่งภูเก็ต แล้ว เมื่อ 4ทุ่ม /ผบ.ทัพเรือภาค3 ยัน อยู่ในเขตทะเลต่อเนื่อง ผิดกม.ลั่นยอมไม่ได้เป็นอันขาด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

 

บิ๊กแก๋ง พลเรือโท สิทธิพร มาศเกษม ผู้บัญชาการทัพเรือภาค3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 แถลงข่าวความสำเร็จในการเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างบ้านลอยน้ำ Seasteading

 

ทั้งนี้ Seasteadingที่ตรวจพบบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ระยะห่างประมาณ 14 ไมล์ทะเลอยู่ในเขตทะเลต่อเนื่องของประเทศไทย ที่ประเทศไทยมีอํานาจสิทธิอธิปไตย ในพื้นที่ดังกล่าว ผู้ใดจะมาทําการใดๆ โดยไม่เคารพกฎหมายที่กําหนดไว้ไม่ได้

 

ทั้งนี้ในปัจจุบันได้ ดําเนินการเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างดังกล่าวกลับเข้าฝั่งเพื่อใช้เป็นวัตถุพยานในการดําเนินคดี เรียบร้อยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา

 

พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อํานวยการ

ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้มอบนโยบายให้ ทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) ดําเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ใน ศรชล.ภาค 3 รวมทั้งจังหวัดภูเก็ต ในการตรวจสอบสิ่งก่อสร้างดังกล่าว หากตรวจพบให้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายโดยเด็ดขาด

 

เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงและ มีการท้าทายอํานาจรัฐของประเทศไทย ที่จะยอมไม่ได้เป็นอันขาด

 

ศรชล.ภาค 3 จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการ ดําเนินการด้านการข่าว การประสานเครือข่าย การจัดเรือและอากาศยานเข้าทําการตรวจสอบ

 

หลังจากนั้นได้มีการประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ ดําเนินการด้านกฎหมายในการร้องทุกข์ กล่าวหาในข้อหา กระทําการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร ตกไปอยู่ใต้อํานาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ

 

หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 119 และฐานความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตํารวจภูธรวิชิต อําเภอเมืองภูเก็ตจังหวัดภูเก็ต สำหรับใช้กฎหมายมาเป็นกรอบในการดําเนินการเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ อีกต่อไป

 

รวมถึงดำเนินการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำดังกล่าว เพื่อป้องกันการส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ ที่อาจทําให้เรือสินค้า หรือเรือลําเลียงน้ำมันที่เดินทางผ่านในพื้นที่ เกิดอุบัติเหตุได้ และจะส่งผลกระทบต่อการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะทําให้เกิดปัญหาต่อสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ รวมทั้งจะเป็นอุปสรรคต่อเรือประมงที่ทําการประมงในพื้นที่

 

โดยอาศัย อํานาจหน้าที่ของ ศรชล.ภาค 3 ตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ในมาตราที่ 3 (1) มาตรา 25 มาตรา 27 มาตรา 28 และ มาตรา 30ได้ให้อํานาจหน้าที่ในการกํากับดูแล ป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง จัดการ แก้ไข หรือบรรเทาปัญหา เหตุการณ์ สาธารณภัย หรือการกระทําผิดกฎหมายที่กระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเล เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้น

 

ซึ่งการปฏิบัติผ่านมา ศรชล.ภาค 3 ได้พยายามติดตามผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำกลับเข้าฝั่ง เรียบร้อยเมื่อวันที่22 เมษายน 2562 เวลา 22.00 น.

 

โดยนําไปไว้ที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต และจะได้มอบหมายให้สํานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต เป็นผู้ดูแลพยานวัตถุพยานหลักฐานดังกล่าว

 

ทั้งนี้หากผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของจะมาแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสามารถเข้ามาตรวจสอบและดูสิ่งของที่อยู่ ภายในว่ามีครบถ้วนตามที่เราตรวจสอบไว้ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้าย

 

โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดทําบัญชีรายการไว้เรียบร้อยแล้ว. รวมทั้งหากมาแสดงตัวตน เจ้าหน้าที่ทางการไทยจะได้ ดําเนินการสอบสวนให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายต่อไป

 

โดยการดําเนินการคดีเพิ่มเติมในส่วนที่ ศรชล.ภาค 3 รับผิดชอบ นั้น ได้ให้ หน่วยงานต่างๆ ใน ศรชล.ภาค 3 ได้ตรวจสอบและหากพบว่ามีความผิดเพิ่มเติม จะได้มีการ แจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาต่อไป

 

ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 กล่าวว่า“การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ นับว่าทุกภาคส่วนได้ร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มขีดความสามารถ

ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือสื่อมวลชน เพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่จะไม่ให้ใครมายํ่ายีหรือรุกรานอธิปไตยของชาติโดยเด็ดขาด “

 

ทั้งนี้ในส่วนที่ ศรชล.ภาค 3 รับผิดชอบในการดําเนินการด้านกฎหมาย

ที่รับผิดชอบในการแจ้งความร้องทุกข์ ขอยืนยันว่าจะดําเนินการอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง กับผู้ที่จะใช้ประเทศไทยแสวงหาผลประโยชน์

 

สําหรับพี่น้องประชาชน นั้น ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบสิ่งผิดปกติหรือ

ต้องสงสัยที่เกิดขึ้นในทะเลที่จะกระทบต่อความมั่นคงขอให้แจ้งให้ ศรชล.ภาค 3 หรือหน่วยงานใน ศรชล.ภาค 3 รวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ได้ตลอดเวลา เพื่อที่หน่วยงานที่เกียวข้องจะ ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที”

matemnews.com

23 เมษายน 2562