Home ข่าวทั่วไปรอบวัน เศรษฐีต้องฟัง! กรมบังคับคดีเปิดทรัพย์ขาย ที่ดินระยองแปลงใหญ่ 2 พันล.

เศรษฐีต้องฟัง! กรมบังคับคดีเปิดทรัพย์ขาย ที่ดินระยองแปลงใหญ่ 2 พันล.

959
0
SHARE

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 (เม.ย.-มิ.ย.) จะมีผลักดัน “ทรัพย์สิน” ในคดีล้มละลาย ที่พร้อมจะขายทอดตลาดที่เป็นรายการใหญ่ ๆ ได้แก่ 1.ทรัพย์ของบริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จำนวน 14 แปลง พื้นที่รวม 249 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักร ราคาประเมินราว 2,111 ล้านบาท ในกลางเดือน มิ.ย. 62 นี้ โดยเจ้าหนี้รายใหญ่เป็นธนาคารกรุงไทย (KTB) 2.บริษัท ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TT&T ที่มีทรัพย์เป็นห้องชุดทำงานและพื้นที่จอดรถ อาคารเมืองไทย-ภัทร ถ.รัชดาฯ กรุงเทพฯ และรถ มูลค่าราว 228 ล้านบาท เมื่อรวมทั้งพื้นที่ทำการของหน่วยต่าง ๆ ในต่างจังหวัดอีก 20 แห่ง รวมราคาประเมินทั้งสิ้นอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

“ขณะนี้ทรัพย์ของไทยคอปเปอร์ฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและจีนค่อนข้างมาก เพราะมีโครงการ EEC ซึ่งที่ดินแปลงใหญ่ ๆ เริ่มหายากแล้วในระยอง” นางสาวรื่นวดีกล่าว

นอกจากนี้ยังมีทรัพย์ที่จะทยอยขายในช่วง 6 เดือนนี้ (เม.ย.-ก.ย. 62) เช่น ที่ดินของคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำนวน 11 แปลง, ที่ดิน 22 แปลง ทรัพย์ตั้งอยู่ที่เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ราคาประเมินราว 261 ล้านบาท, ที่ดินรวม 3 แปลง ตั้งอยู่ ถ.ยานนาวา กรุงเทพฯ ราคาประเมิน 252 ล้านบาท, ที่ดินย่านบางกะปิ กรุงเทพฯ ราคาประเมิน 193 ล้านบาท, ที่ดิน 36 แปลงตั้งอยู่ที่ อ.บางพลีใหญ่ สมุทรปราการ ราคาประเมิน 176 ล้านบาท, ห้องชุดจำนวน 343 ห้อง ทรัพย์ตั้งอยู่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ราคาประเมินรวม 156 ล้านบาท, ที่ดินแขวงมักกะสัน กรุงเทพฯ ราคาประเมิน 118 ล้านบาท และที่ดิน 2 แปลง ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ราคาประเมิน 84 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของกรมบังคับคดีได้ทำการผลักดันทรัพย์สินออกจากระบบในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณนี้ (ต.ค. 61-มี.ค. 62) ไปแล้วเป็นเงินจำนวน 84,917 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.32% ของเป้าหมาย 130,000 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบฯ 61 กรมบังคับคดีสามารถผลักดันทรัพย์สินได้สูงกว่า 26% ด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ทางการตลาด จัดมหกรรมขายทอดตลาดนอกสถานที่ การขายทอดตลาดผ่านระบบการส่งคำสั่งซื้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Offering auction) และการจัดขายทอดตลาดในวันหยุดราชการ (วันเสาร์) ทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ ได้คาดการณ์ว่าจะมีผลการผลักดันทรัพย์สินได้ “สูงกว่า” เป้าหมายด้วย