Home ข่าวทั่วไปรอบวัน คณะนักข่าวไล่บี้ถาม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อย่างมัน – หลังประกาศเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีเอง

คณะนักข่าวไล่บี้ถาม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อย่างมัน – หลังประกาศเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีเอง

1087
0
SHARE

 

หลังจากที่ กกต.แจกกระดาษข่าวให้คณะนักข่าวว่า ได้ส่งคดี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินัจฉัยกรณ๊หุ้นบริษัทสื่อได้ไม่นาน  พอถึงเวลา 16 น.วันที่ 16 พ.ค.2562  นายธนาธร ก็ได้เปิดแถลงข่าวเป็นการด่วนที่ห้องแถลงข่าวสำนักงานพรรค  ตึกไทยซัมมิต

 

“ก่อนการเลือกตั้ง เราได้เห็นว่าสังคมไทยมีความกระตือรือร้นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง และให้ความหวังว่าการเลือกตั้งจะเป็นทางออกของสังคมได้ เพื่อให้สังคมกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย ทำให้เกิดความหวังสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวดับกระแสการตื่นตัวทางการเมือง สูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  แต่สิ่งที่เกิดขึ้น หลังการเลือกตั้งทำให้ประชาชนทั่วประเทศสงสัยถึงความชัดเจน ทำให้ความหวังลดน้อยถอยลง ประชาชนรู้สึกว่า มีเลือกตั้งหรือไม่มีก็เหมือนเดิม ประชาชนหลายฝ่ายในประเทศไทยตอนนี้หมดหวังไปแล้ว และปักใจเชื่อแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นรัฐบาล และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี  พรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถปล่อยให้สังคมสิ้นหวังแบบนี้ต่อไปได้ พวกเราขอยืนยันเจตนารมณ์ตั้งแต่การก่อตั้งพรรค ถึงภารกิจอันดับ 1 คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และจะแสดงให้เห็นว่า จะสู้ถึงที่สุด  อีกไม่กี่วัน จะมีรัฐพิธีในวันที่ 24 พ.ค. และเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 25 พ.ค. แต่สังคมยังคลุมเครือ ด้วยการนี้ เพื่อจะหยุดยั้งความคลุมเครือ พรรคอนาคตใหม่ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  เราเชื่อว่า มีแต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะดึงความสามัคคีร่วมกันได้ และดึงพรรคการเมืองต่างๆที่มีความขัดแย้ง มาทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน  คือ  ส่งทหารกับกรมกอง แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เพื่อขจัดความสิ้นหวัง เราจะจัดตั้งรัฐบาลเอง ถ้าหากพรรคอนาคตใหม่สามารถรวบรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.”

 

สิ้นเสียงพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี  คณะนักข่าวที่ฟังแถลงข่าวอยู่ถามทันทีว่า  ก่อนหน้านี้ ได้เคยประกาศว่า  ถ้าไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่ง จะไม่ขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธร  ตอบ

 

“พรรคอันดับหนึ่งประกาศชัดเจนว่าใครจะเป็นนายกฯก็ได้ ในเมื่อพรรคอันดับหนึ่งเปิดทาง ผมก็ขออาสา”

 

นักข่าวถาม   แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกให้พรรคอนาคตใหม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธร ตอบ

 

“ใครเป็นนายกฯก็ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

 

นักข่าวถามต่อ  จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลง  เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้เข้าสภาหรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

“ไม่มีอะไรสุ่มเสี่ยง เพราะกกต.ยังไม่กล้าตัดสินใจเลย เรามั่นใจในเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมด  ว่าไม่มีผลอะไรต่อคุณสมบัติการสมัครเป็นส.ส.  ดังนั้น เราไม่ได้คิดเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเลย”

 

นักข่าวถามว่า  เคยประเมินว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

“ผมมองว่านี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของคสช.ที่จะสกัดกั้นพรรคอนาคตใหม่ โดยคาดหวังว่า ถ้าจัดการกับแกนนำพรรคได้แล้ว จะจัดการกับพรรคได้ อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจในพยานหลักฐานเอกสารของพวกเรา ว่าไม่มีอะไรมาเอาผิดได้”

 

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรมได้หรือไม่ นายธนาธร ตอบว่า

 

“วันนี้ก็เชื่อมั่น  และไม่รู้สึกกังวล และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้  เรายืนยันว่า ไม่มีใครหาข้อโต้แย้งที่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือหาหลักฐานมาล้มล้างหลักฐานที่เรามีได้ เราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และจะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ส่วนส.ส.ของพรรคก็มีกำลังใจ และหลายคนก็พยายามผลักดันให้เราประกาศจุดยืนเช่นนี้มานานแล้ว”

 

นักข่าวถาม ได้มีการทาบทามพรรคการเมืองอื่นแล้วหรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

“ผมไม่ปฏิเสธว่ามีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น เป็นเรื่องปกติ โดยหลังจากนี้ จะเดินทางไปขอพบ  นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์   น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา   เพื่อบอกทุกคนว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองจะมาทำงานร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. โดยการพูดคุยจะเริ่มต้นทันที และมั่นใจว่าจะทันวันที่ 20 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศท่าที โดยอย่างช้าทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พฤษภาคม ก่อนเปิดรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 24 พฤษภาคม  ที่ผ่านมา เราเฝ้าดูสถานการณ์และติดต่อพรรคการเมืองอื่นอยู่เรื่อยๆ แต่เราเห็นว่า เวลามันงวดเข้ามาแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกฯก็มีสูง ดังนั้น ต้องตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะสัญญากับประชาชนไว้แล้วว่า จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจให้ได้ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คสช.ก็สืบทอดอำนาจได้ ดังนั้น เราต้องทำให้ถึงที่สุดและดีที่สุด”

 

 

 

ถามต่อว่า มองว่าการที่พรรคอนาคตใหม่เป็นฝ่ายเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้น ง่ายกว่าให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเจรจาหรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

“ อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับพรรคเพื่อไทย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า เราทำได้ และผมรู้สึกสบายใจในการพูดคุยกับทุกพรรค เพราะเราไม่มีวาระซ่อนเร้น  โดยเหตุผลที่ทำให้เรามั่นใจ เพราะพรรคอนาคตใหม่ยึดวาระเป็นสำคัญ และวาระของการเลือกตั้งครั้งนี้คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. เอากองทัพกลับเข้ากรมกอง แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่มีความยืดหยุ่นมากในการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดสรรโควตารัฐมนตรีตามแต่ที่พรรคอื่นต้องการบริหารตามวาระของพรรคนั้นๆ เราไม่ได้ยึดถือเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นตัวตั้ง แต่ยึดวาระ จึงขอเชื้อเชิญพรรคการเมืองต่างๆมาร่วมกัน ถ้าไม่มาร่วมกัน เราจะไม่เห็นแสงตะวันของประชาธิปไตยอีกเลย เราไม่รู้ว่า จะเห็นแสงตะวันของประชาธิปไตยอีกเมื่อไร หากปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจในครั้งนี้”

 

นักข่าวถาม  การประกาศเช่นนี้ ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนหรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

 

“ ลองไปถามพรรคเพื่อไทยดู ผมตอบแทนไม่ได้ แต่ในเมื่อภารกิจเลือกตั้งครั้งนี้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยก็น่าจะสนับสนุนพวกเรา

 

เมื่อถามว่า การประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เนื่องจากเห็นพรรคพลังประชารัฐ  พร้อมจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายธนาธร ตอบ

 

“ผมขอถามว่า หลังจากการเลือกตั้ง ทุกคนรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการเลือกตั้งหรือไม่ รู้สึกว่าสังคมไทยมีอะไรดีขึ้นบ้างหรือไม่ เราไม่เห็น เดินหน้าต่อไปทุกวันมีแต่ความสิ้นหวัง และความไม่ชัดเจนนี้เองเป็นเครื่องมือที่คสช.ใช้ในการเก็บเกี่ยวพรรคอื่นๆเข้าไปร่วม พรรคอนาคตใหม่บอกตั้งแต่ต้นว่า เราจะสู้ถึงที่สุด  ถ้าเราไม่ทำ  คสช.จะสืบทอดอำนาจได้ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้”

 

นักข่าวถาม  เชื่อหรือว่าทางออกนี้จะประสบความสำเร็จ นายธนาธร ตอบ

 

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ลุกขึ้นมาประกาศ ผมมั่นใจมาก ต้องทำให้ได้ และการทำเช่นนี้ ไม่ใช่การทำเพื่อพรรคอนาคตใหม่ เพื่อเก้าอี้นายกฯ เพื่อเก้าอี้รัฐมนตรีใดๆ แต่เพื่อให้สังคมเดินหน้า เอาความหวังของประชาชนกลับมา และบอกประชาชนว่า นี่ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่ต้องตื่นตัวทางการเมือง”

 

คลิกอ่านเฟชบุ้ค พรรคอนาคตใหม่  https://bit.ly/2LPZPbG

 

matemnews.com

16 พฤษภาคม 2562