Home ข่าวทั่วไปรอบวัน การท่าฯ ยันรู้ตัวการ “ลอบขนสารเคมีลงเรือ” ต้นเหตุระเบิดที่แหลมฉบัง!

การท่าฯ ยันรู้ตัวการ “ลอบขนสารเคมีลงเรือ” ต้นเหตุระเบิดที่แหลมฉบัง!

698
0
SHARE

วันที่ 26 พ.ค.2562 เรือโทกลมศักดิ์ พรหมประยูร ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้เรือสินค้าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ที่จุดเทียบเรือเอ 2 ท่าเรือแหลมฉบัง เช้าวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบแล้วพบเป็นสารแคลเซียมไฮเปอร์คลอไรด์ ซึ่งเป็นสารอันตรายประเภท 5.1 โดยสินค้าดังกล่าวทางเจ้าของสินค้าไม่ได้แจ้งให้ทางบริษัทเรือรับทราบ ซึ่งตู้ที่เกิดระเบิดนั้นจะนำไปลงที่ท่าเรือยูนิไทยฯ จ.สมุทรปราการ

โดยขณะนี้สถานการณ์ล่าสุด บริเวณจุดเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่าย ได้ดำเนินการ และสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว โดยมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการในสถานการณ์ฉุกเฉินทันที นอกจากนั้น ผู้บริหารในพื้นที่ เช่น เทศบาลนครแหลมฉบัง ได้จัดตั้งศูนย์รับร้องทุกข์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมายื่นเรื่องไว้

เรือโทกลมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับตู้สินค้าที่จะลงที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตามหลักเกณฑ์แล้ว จะมีบริษัทที่ควบคุมสินค้าอันตราย มาดำเนินการขนส่งถ่ายสินค้าในทันที หลังได้รับแจ้งทุกครั้งที่เรือจะเข้ามาเทียบท่าว่ามีสินค้าอันตรายบรรทุกมากับเรือลำดังกล่าว จำนวนกี่ตู้ และลงที่ท่าเรือแหลมฉบังกี่ตู้ แม้จะเป็นเพียงตู้ผ่านที่ไม่ได้ลงก็ต้องแจ้งเช่นกัน

แต่จากการสอบถามทางเจ้าของเรือ พบว่า ไม่มีการแจ้งมาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งทางเจ้าของเรือจะต้องไปดำเนินการกับกลุ่มเจ้าของสินค้าเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เข้ามาดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ได้อย่างทันท่วงที จนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างรวดเร็ว

ด้าน นายอภิชา บุญพึ่งบารมี ตัวแทนเรือ KMTC Hongkong กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ บริษัทที่ส่งสินค้าไม่ได้แจ้งรายละเอียดของสินค้าทั้งหมดให้ตัวแทนเรือทราบว่ามีสินค้าอะไรที่ขนส่งมาบ้างจากต้นทาง โดยตัวแทนเรือจะเป็นเพียงรับสินค้าดังกล่าว เพื่อมาส่งให้ถึงมือลูกค้าเท่านั้น

สำหรับสินค้าอันตรายหรือสารเคมี หากมีการขนส่งทางเรือ ค่าบริหารจะแพงกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 3 เท่า ดังนั้น อาจเป็นไปได้ที่เจ้าของสินค้าไม่ได้แจ้งให้ตัวแทนเรือได้รับทราบเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยไม่ใช่เป็นการลักลอบ แต่ไม่สำแดงชนิดของสินค้าให้ทราบเท่านั้น

ด้าน กรมควบคุมมวลพิษ พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง และปภ.ชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบังพบว่า ขณะตรวจสอบควบคุมเพลิงได้แล้วแต่ยังมีเขม่าควันค่อนข้างมาก เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์หลายร้อยใบที่ถูกเพลิงไหม้ต้องฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเบื้องต้นพบว่า มีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) อยู่ในช่วง1.2-2.4 ppm ค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) อยู่ในช่วง 0.92-1.96 ppm มีค่าเกินกว่าค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน ระดับที่ 1 กำหนดค่า 0.9 ppm ซึ่งเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และระคายเคืองตา เนื่องจากเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก ด้านอำเภอศรีราชาสั่งการให้อพยพประชาชนที่อยู่ใต้ลมไปยังจุดที่ปลอดภัย

สำหรับสารเคมีที่รั่วไหลคือ แคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (calcium hypochlorite ) มีสูตรโมเลกุล คือ CaCl2O2 เป็นสารประกอบคลอรีน ที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ใช้สำหรับฆ่าเชื้อวัตถุดิบและฆ่าเชื้อน้ำที่ใช้ในกระบวนการ เช่น น้ำหล่อเย็น น้ำที่ละลายวัตถุดิบที่ผ่านการแช่เยือกแข็ง (thawing) มีชนิดที่เป็นผง หรืออัดเป็นเม็ด ความเข้มข้นของคลอรีนออกฤทธิ์ (active ingredient) 65 หรือ 68 เปอร์เซ็นต์ นอกจากการใช้เพื่อฆ่าเชื้อแล้ว calcium hypochlorite ยังให้ผลดี คือเกลือแคลเซียม (calcium salt) รวมตัวกับเพกทิน (pectin) ในผนังเซลล์ของผักและผลไม้ ทำให้ผนังเซลล์แข็งแรงขึ้น และต้านทานโรคได้ดี

ผู้ที่ได้รับสารนี้ต้องปฏิบัติดังนี้

  • ผู้ที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ต้องออกจากพื้นที่โดยด่วน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางอากาศ หาหน้ากากอนามัยและสวมเสื้อผ้ามิดชิดป้องกันการสัมผัส
  • เสื้อผ้าที่ได้รับการสัมผัสโดยตรงแนะนำให้ทิ้งไปเลย
  • หลังจากที่สารนี้ตกตะกอนหรือแห้งแล้วอาจติดไฟได้อีก โปรดระมัดระวัง
ที่มา ข่าวเวิร์คพ้อยท์ , การท่าเรือแห่งประเทศไทย