เฟชบุ้ค Chaturon Chaisang
เมื่อพลเอกประยุทธ์จะเป็นหัวหน้าพรรค
การที่พลเอกประยุทธ์จะเป็นหัวหน้าพรรคพปชร.น่าจะเกิดจากความจำเป็นที่จะต้องมาคุมสถานการณ์ในพรรคไม่ให้แตกแยกในลักษณะไม่มีใครฟังใคร เพราะนักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดินทั้งหลายคงไม่ยอมฟังพวกที่มาจากสายธุรกิจแล้วมาโตทางลัดโดยผ่านการเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลคสช. ก็มีแต่พลเอกประยุทธ์ที่จะเอาอยู่ ที่สำคัญก็เพราะมีสว. 250 คนอยู่ในมือ เมื่อรวมกับเสียงพปชร.ที่พลเอกประยุทธ์ก็เป็นหัวหน้าด้วย ใครไม่อยากฟังก็ต้องฟัง
แต่การที่พลเอกประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรคเองก็จะมีปัญหาอย่างน้อย 2 อย่างคือ
หนึ่งนโยบายรัฐบาลคสช.ที่พลเอกประยุทธ์และนายสมคิดประกาศว่าต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ตรงกับนโยบายของพปชร.ที่มีพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้า ไม่นับว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคก็ยืนยันว่าต้องใช้นโยบายของตนบริหารประเทศ รัฐบาลนี้จะมีนโยบายอย่างไรและจะอธิบายต่อประชาชนอย่างไรว่าเหตุใดจึงไม่มีใครในรัฐบาลที่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนเลย
สอง มีความเป็นไปได้มากที่ความสัมพันธ์ระหว่างพลเอกประยุทธ์กับผู้นำกองทัพจะเปลี่ยนไปจากสมัยที่พลเอกประยุทธ์ยังเป็นหัวหน้าคสช.อยู่ เพราะโดยประเพณีและวัฒนธรรมของไทยในหลายสิบปีมานี้ ผู้บังคับบัญชากองทัพจะไม่ยอมรับนับถือหัวหน้าพรรคการเมือง แม้หัวหน้าพรรคการเมืองจะเคยเป็นผู้นำกองทัพมาก่อนก็ตาม สถานะของพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลจึงจะไม่มีเสถียรภาพมั่นคงเหมือนรัฐบาลคสช.
ส่วนปัญหาที่จะไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นจากการมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของพลเอกประยุทธ์เรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆก็คือการเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านและผู้ที่เห็นต่างทั้งในสภาและนอกสภาซึ่งเป็นสถานการณ์ใหม่ที่พลเอกประยุทธ์ไม่เคยเจอมาก่อน ในขณะที่พลเอกประยุทธ์เองไม่อาจใช้บุคลิกแบบเดิมๆได้ แต่จะเปลี่ยนบุคลิกก็เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามการผันตัวเองจากหัวหน้าคสช.ที่มีอำนาจล้นฟ้ามาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ขาลอยจากกองทัพและต้องอยู่ท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดในพรรคการเมืองและยังต้องถูกตรวจสอบจากฝ่ายต่างๆที่มีอิสระและเสรีภาพมากขึ้น ก็จะทำให้การเมืองจากนี้ไปเป็นเรื่องน่าติดตามอย่างมาก
matemnews.com
15 มิถุนายน 25625