กรณี 4 ผู้ต้องหาคดีเรียกค่าไถ่โอปอ ถูกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์สั่งปล่อยตัวจากการคุมขังที่เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์เนื่องจากอัยการไม่ได้นำผู้ต้องหาไปส่งฟ้องตามที่ศาลนัด ทั้งที่คดีเป็นที่สนใจต่อประชาชนและมีอัตราโทษที่สูง ล่าสุด ตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์ จับกุมตัว นายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือโชค อายุ 23 ปี ,นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นสองในสี่ผู้ต้องหา ที่ร่วมกันอุ้มเรียกค่าไถ่ น.ส.โอปอ ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยตำรวจได้แจ้ง 6 ข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น , ร่วมกันกักขังบุคคลเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ , ข่มขืนใจผู้อื่น ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย , พาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ,และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
ทำให้วันนี้ตำรวจยังเร่งติดตามตัว นายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือเปรี้ยว อายุ 23 ปี,และ นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี สองคนร้ายที่เหลือ ซึ่งคาดว่ากำลังทำการหลบหนีโดยได้ขอความร่วมมือกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและประสานไปยังสถานีตำรวจในทุกท้องที่ทั่วประเทศไทย ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานอัยการ กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าในขณะนี้มีการตั้งองค์คณะเข้าตรวจสำนวนและระยะเวลาในการส่งฟ้องตาม ป.วิอาญา ของอัยการผู้รับผิดชอบคดีแล้ว ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในสัปดาห์นี้ ขณะที่แหล่งข่าวในศาลจังหวัดกาฬสินธุ์อธิบายถึงกระบวนการส่งฟ้องตาม ป.วิอาญา ว่ากระบวนการส่งฟ้องทั้งหมด ตั้งแต่การส่งฟ้องครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนอัยการได้ส่งฟ้องมาแล้ว ซึ่งถือว่า ในส่วนพนักงานสอบสวน(ตำรวจ) และอัยการฯได้ทำหน้าที่ครบถ้วน
แต่ในภายหลังเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนปรากกฏว่า นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง จำเลยที่ 3 ให้สารภาพ ในวันเดียวกัน ศาลสั่งให้แยกฟ้อง เหลือ 4 ผู้ต้องหา เป็นคดีใหม่ ให้อัยการฯ มาฟ้องใน 15 วัน แต่ปรากฏว่าไม่ได้นำมาฟ้องจึงทำให้หลุดคดีไป กรณีนี้จึงต้องตรวจสอบเพราะกฏหมายไทยเป็นรายลักษณ์อักษรที่ต้องรอคำตอบในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ในวันพรุ่งนี้(17 มิ.ย.)คาดว่าจะมีความคืบหน้าในผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอัยการและกาารติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่เหลืออีก 2 คน ซึ่งตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์ยังคงเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี.