เฟชบุ้ค เอกชัย หงส์กังวาน
เห็นข่าวกรณีทำร้ายร่างกาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) ที่ตำรวจชี้นำเป็นประเด็นแก็งค์ทวงหนี้ก็รู้สึกสมเพช
ปีที่ผ่านมาผมถูกทำร้ายร่างกาย 4 ครั้ง โดย 3 ครั้งแรกคนร้ายมี 1-3 คน ไม่ปิดบังใบหน้า พฤติกรรมนี้บ่งบอกถึงความไม่เป็นมืออาชีพ
แต่ปีนี้พฤติกรรมการทำร้ายร่างกายของผมแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 4 คน สวมหมวกกันน็อก อำพรางใบหน้า และขับขี่มอเตอร์ไซด์หลายคัน
1 ใน 3 ครั้งคนร้ายใช้อาวุธเป็นท่อนไม้-เหล็ก พวกเขาลงมืออย่างมีเป้าหมายคือ ต้องการให้ผมบาดเจ็บในระดับหนึ่ง โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที
ต่อมาการทำร้ายร่างกายขยายวงไปถึงนักเคลื่อนไหวอื่น แต่พฤติกรรมไม่แตกต่างจากผม สิ่งนี้บ่งบอกถึงผู้อยู่เบื้องหลังคนร้ายเหล่านี้เป็นกลุ่มเดียวกัน
หากกรณีของ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบ กรณีของผม-อนุรักษ์ เจนตวนิชย์ (ฟอร์ด เส้นทางสีแดง) ก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน (แต่ผมไม่เคยกู้เงินนอกระบบ)
ความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นแสดงให้เห็นถึงความพยายามปกป้องผู้อยู่เบี้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้
กรณีการทำร้ายร่างกาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจไม่อาจเลี่ยงข้อหา “พยายามฆ่า” ซึ่งข้อหานี้ศาลไม่สามารถรอลงอาญา ผมจึงเชื่อไม่มีแพะคนไหนยอมติดคุก
ผมเชื่อบทสรุปของเหตุการณ์นี้ตำรวจจะไม่สามารถจับกุมคนร้าย โดยอ้างเป็นแก็งค์ทวงหนี้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจจะมีการจับกุมแก็งค์ทวงหนี้ แต่จะไม่มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
สิ่งที่พวกเราเผชิญคือ ถูกทำร้ายร่างกาย…พรรคการเมืองประณาม…สังคมด่า…ระดมเงินช่วยเหลือ…รักษาตัว…กลับบ้าน…ถูกทำร้ายร่างกาย…พรรคการเมืองประณาม…สังคมด่า…ระดมเงินช่วยเหลือ…รักษาตัว…กลับบ้าน…ถูกทำร้ายร่างกาย…วนลูปแบบนี้ซ้ำซาก
สิ่งที่ผมกังวลยิ่งกว่าคือ การทำร้ายร่างกายอาจขยายวงมากกว่าพวกเรา 3 คน การทำร้ายร่างกายอาจรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นพิการ-เสียชีวิต
ถึงเวลาที่เราควรมีองค์กรเพื่อคุ้มครองนักเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยงสูง ไม่เฉพาะนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น
ส่วนคำพูดหรูๆอย่าง “ตาย 10 เกิด 100,000” ไม่มีจริง ตาย 10 ก็เหลือ 0 แค่นั้น อย่าเพ้อเจ้อ
matemnews.com
1 กรกฎาคม 2562