พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงข่าว 17 ก.ค.2562 กรณีมีข่าว คสช.) โอนอำนาจให้กอ.รมน. เรียกบุคคลเข้ามาพูดคุยปรับทัศนคติได้ ว่า
“คสช.ไม่ได้โอนอำนาจนี้ให้กอ.รมน.เรียกบุคคลมาพูดคุย เพราะในทางปฏิบัติทำไม่ได้ แต่กฎหมายที่คสช.ใช้อยู่คือพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในการดูแลความเรียบร้อย เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงเกิดขึ้นก็จะประกาศเป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 15 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เมื่อมีการประกาศแล้วก็จะต้องมีการใช้กำลังตามมาตรา 16 กอ.รมน.เลือกว่าจะใช้อำนาจหน้าที่อย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงสอดคล้องกับหน่วยงานที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบ คือทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ที่จะตัดสินใจเลือกใช้กำลังจะต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่ถูกแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี กอ.รมน.ไม่สามารถเรียกตัวบุคคลมากักขังหรือพูดคุยได้ เพราะปัจจุบันกอ.รมน. ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และเมื่อมีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความไม่มั่นคงในพื้นที่จึงจะสามารถเข้าไปดูแลได้ ส่วนที่มีการเชิญตัวก็อยู่ในมาตราที่ 13/1 ในข้อที่ 7 ในพ.ร.บ.ความมั่นคงฯก็มีอยู่ก่อนแล้ว โดยคณะกรรมการระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผอ.กอ.รมน.จังหวัด และจะมีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเป็นคณะกรรมการด้วย เช่นกรณีมีโครงการจัดทำฝายระบายน้ำที่เสนอผ่านจังหวัดเข้ามาทางคณะกรรมการชุดนี้ก็จะมาช่วยพิจารณา หากมีจุดไหนที่ไม่เรียบร้อยหรือต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมก็จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล แต่ไม่ใช่การเรียกตัว ต้องใช้คำให้ถูกต้อง ขอยืนยันว่าพ.ร.บ.ความมั่นคงฯเป็นกฎหมายคนละอย่างกับคสช. และกอ.รมน.ก็เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับสำนักงานนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่กองทัพ กฎหมายตัวนี้กอ.รมน.จะพยายามใช้กฎหมายที่ไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเน้นใช้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันว่าพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ได้มีอำนาจเรียกบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองเข้ามาพูดคุย
matemnews.com
17 กรกฎาคม 2562