รูปจากคลิปของ mgronline.com
หลายฝ่ายเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตัดสินใมจเป็นนายนากยรัฐมนตรีต่อ จะทนแรงเสียดสีการอภิปรายของบรรดานักการเมืองในสภาไม่ได้ ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจริง แค่ในวันแรกของการอภิปราย พรบ.งบประมาณของรัฐบาลที่อาคาร TOT แจ้งวัฒนะ ที่เริ่มเมื่อเช้าวันที่ 25 ก.ค.2562 โดยแต่เช้า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแม้จะถูกประท้วงและมีคำพูดเสียดสีเข้าใส่เป็นระลอกตลอด แล้วก็ฟิวส์ขาดด้วยฝีปากของ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมีนาเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
ช่วงหัวค่ำ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ได้คิวอภิปรายดุเดือดมาก ส.ส.พลังประชารัฐ ยกมือประท้วงหลายครั้ง ประเด็นที่พูดว่า “โกงเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล” นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ยกมือและยืนขึ้นประท้วงขอให้ถอนหลายครั้ง แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ถอนคำพูด จนมีการประท้วงไปมาระหว่าง ส.ส.ซีกรัฐบาล รวมไปถึง ส.ว. กับ ส.ส.ฝ่ายค้าน นานร่วม20นาที ขณะที่สมาชิกบางคนเสนอให้ประธานพักการประชุม และขอให้ นายพรเพชร ทำหน้าที่ประธานในขณะนั้นวินิจฉัย นายพรเพชร บอกว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ถอนก็บันทึกเอาไว้ หากพูดไม่จริงต้องรับผิดชอบเอง ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ลุกขึ้นอภิปรายประเด็นนี้ต่อไปพูดย้ำว่า “หากเป็นผมจะไม่ด้านอยู่ต่อ”
ทันที พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นพูดสวนโดยไม่ขออนุญาตประธาน พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า
“เรารู้จักกันมานาน ท่านเป็นรุ่นพี่ผม แต่งงานวันเดียวกัน แต่วันนี้ไม่ถือว่าเป็นรุ่นพี่อีกแล้ว เพราะท่านไม่ให้เกียรติผม เคยพูดว่า จะชักปืนยิงผม ถ้ายิงจริง ท่านก็ติดคุกไปแล้ว ท่านพูดจาหยาบคาย เหรียญรามาผมก็ได้ แต่ไม่เคยอวดอ้างอำนาจ ให้ไปทบทวนตัวเอง”
พูดจบพล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งเอกสารลงบนโต๊ะ เดินออกจากห้องประชุมไปหลังห้องประชุม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีบางส่วน เดินตามไป
สมาชิกที่เหลืออยู่ส่งเสียงฮือฮา นายพรเพชร ใช้ค้อนของประเทศทุบโต๊ะ แล้วยื่น อันเป็นมาตรการควบคุมการประชุม เป็นการใช้ค่อนครั้งแรกของรัฐสภานี้ แล้วสั่งพักการประชุม 10 นาที อย่างไรก็ตาม การใช้ท้อนของประธานถือเป็นครั้งแรกในรัฐสภาสมัยนี้
เวลา 21.10 น. กลับมาประชุมกันต่อ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิไจไทย ได้คิวพูดเสนอให้ประธานปฏิบัติตามข้อบังคับประชุมรัฐสภา หากประธานวินิจฉัยแล้วแต่สมาชิกไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็ต้องเชิญสมาชิกคนนั้นออกจากห้องประชุมแล้วเชิญเข้ามาใหม่ ซึ่งหากสมาชิกไม่ปฏิบัติตามก็จะทำให้สภาเสื่อม จึงขอเรียกร้องให้ประธานรักษามาตรฐานสภาแห่งนี้เอาไว้เพื่อให้เกิดความศักดิ์ของสภาแห่งนี้ จากนั้น นายพรเพชร ได้วินิจฉัย ให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนคำพูด คำว่า หน้าด้าน แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันจะไม่ถอน เพราะ เป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาพูดกัน ตนไม่ได้พูดเอง เพียงแค่เอามาเล่าสู่กันฟัง ทำให้นายพรเพชร ยืนยันให้ถอน เพราะเป็นการเอาคำพูดคนอื่นมาพูด เสมือนเป็นคำพูดตนเอง แต่เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ยอม นายพรเพชร จึงได้สั่งให้ออกจากห้องประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงพร้อมด้วยศ.ศงพรรคเสรีรวมไทยจึงเดินออกจากห้องประชุม ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่นอกห้องประชุมว่า
“ที่พูดในที่ประชุมเพราะได้ยินชาวบ้านพูดมา ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดพี่ตัดน้องนั้น ผมเสียใจ ผมเสียน้องไปคนหนึ่ง ท่าน พล.อ.ประวิตร ก็ดีนะ แซวเรื่องนาฬิกาก็ไม่โกรธ ที่เตือนไปเพราะหวังดี เกรงว่าพอนักข่าวไปถ่ายภาพจะเป็นเรือนที่ยืมเพื่อนมา ระหว่างพักการประชุม ไม่มีการพูดคุยอะไรกันเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ คุยไม่รู้เรื่อง หลังจากนี้ไม่ต้องเคลียร์ใจอะไรกัน ถ้าเจอกันข้างนอก ถ้าเขายกมือไหว้ผม ผมก็คุยด้วย เราเป็นรุ่นพี่ แก่กว่า ผมคงไม่ยกมือไหว้เขาก่อนอย่างแน่นอน คนไทยถือเรื่องวัยวุฒิเป็นสำคัญ การทำหน้าที่ของ นายพรเพชร ไม่วางตัวเป็นกลางเลย พวกเราก็รู้ว่าประธานมาจากไหน เขาก็เลือกให้มาเป็นประธาน สนช.และเป็นประธานวุฒิสภา ก็ไม่เป็นกลางมาโดยตลอด ที่ผมพูดในที่ประชุมไม่ได้คิดยั่ว พล.อ.ประยุทธ์ เพียงพูดถึงคุณสมบัติและความสามารถเท่านั้น เชื่อว่าหากประธานในที่ประชุมเป็น นายชวน หลีกภัย สถานการณ์คงจะเบากว่านี้”
matemnews.com
25 กรกฎาคม 2562