Home ข่าวทั่วไปรอบวัน เปิดจดหมายสัญญาใจโจรปล้นร้านทอง

เปิดจดหมายสัญญาใจโจรปล้นร้านทอง

484
0
SHARE

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เผยถึงการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์ ทองรูปพรรณจากร้านทองแม่ทองพูล สาขาบิ๊กซีขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้ร่วมกันสืบสวนและจับกุม นายสุพจน์ เพชรรังษี ชาว จ.ชัยภูมิ และนายไพรวัลย์ ญาบัญฑิต ชาว จ.อุดรธานี พร้อมรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี ได้บนถนนเลี่ยงเมืองอุดรธานี ซึ่งทั้งสองคนเป็นผู้ที่พา นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ อายุ 37 ปี จ.ชัยภูมิ คนร้ายที่กวาดเอาทองใส่กระเป๋าและนายเรืองศักดิ์ พันธ์ทอง คนร้ายที่ยืนถือปืนขู่หนักงานในร้านทอง เอาทองไปขายในพื้นที่ อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ และพาไปส่งที่ริมโขงพื้นที่ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เพื่อหลบหนีไปยังสปป.ลาว

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้จับกุมนางจันทจร ภรรยานายไพรวัลย์ พร้อมทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งในบ้านพักที่จังหวัดชัยภูมิ รวมขณะนี้จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 คน มีนายสุพจน์ เพชรรังษี นายไพรวัลย์ ญาบัญฑิต และนางจันทจร ภรรยานายไพรวัลย์

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในเบื้องต้นทราบว่า รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่เจ้าหน้าที่พบจอดทิ้งในป่าละเมาะ ห่างจากห้างบิ๊กซีไปประมาณ1กม.นั้น เป็นรถที่ผู้ต้องหา2คนที่กำลังหลบหนี ได้ขโมยมาจากพื้นที่สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนี หลังก่อเหตุสำเร็จได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้แล้วไปขับรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็ก สีบลอนด์ 4 ประตู ทะเบียน กค-2196ชัยภูมิ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่นายชัยมงคลยืมของแม่ยายมาใช้ในการหลบหนีกลับไปที่ จ.ชัยภูมิ

เมื่อถึงจังหวัดชัยภูมิ นายชัยมงคล และนายเรืองศักดิ์ ได้ทำการแบ่งทองให้กับคนสนิทไปบางส่วน และแบ่ง 200บาท ใส่ในโอ่งฝังดินในสวนยางของแม่ยาย โดยก่อนจะฝังดิน นายชัยมงคลยังได้เขียนจดหมาย ซึ่งน่าจะเป็นคำมั่นสัญญา โดยเขียนด้วยปากกามีข้อความว่า “อ้าย ความรักความจริงใจ + ความซื่อตรงต่อกัน คือหัวใจของการคบกันระหว่างเราสองพี่น้อง ถ้าพี่มาเปิดไหนี้ก่อน แทนที่จะมาเปิดพร้อมกัน นั้นก็แสดงว่าพี่ไม่ซื่อตรงต่อกัน ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นแบบนั้นเลย ผมรักและเชื่อใจพี่นะครับ” และช่วยกันเอาดินกลบไหไว้แล้วแยกย้ายกันไป

เช้าวันต่อมานายไพรวัลย์และนายสุพจน์ ได้ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี ซึ่งรถคันดังกล่าวนี้เป็นรถของนายไพรวัลย์ มารับนายชัยมงคลและนายเรืองศักดิ์ออกจากบ้านพัก เพื่อไปขายทองที่ อ.บ้านแท่น โดยก่อนจะออกเดินทาง ผู้ต้องหาได้มอบสร้อยคอทองคำให้นางจันทรจร ภรรยานายไพรวัลย์ด้วย 1 เส้นน้ำหนัก 2 บาท เมื่อขายทองที่ อ.บ้านแท่นเสร็จ ได้ค่าเดินทางเรียบร้อยแล้ว นายไพรวัลย์ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยัง อ.ศรีเชียงใหม่ทันที่ เพื่อส่งนายชัยมงคลและนายเรืองศักดิ์ นั่งเรือข้ามฟากหลบหนีไปยัง สปป.ลาว ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา นายเรืองศักดิ์

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า ขณะนี้การรวบรวมพยาน หลักฐานครบถ้วน และศาลได้ออกหมายจับนายชัยมงคลและนายเรืองศักดิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ ส่วนนายไพรวัลย์และนายนายสุพจน์ ที่ถูกจับกุมได้นั้น หลังการสอบสวนก็ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ และรับของโจร พร้อมทั้งควบคุมตัวส่งฟ้องศาลฝากขังผัดแรกในวันนี้ ส่วนนางจันทจร ซึ่งเป็นภรรยานายไพรวัลย์ มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์กระบะคันสีดำที่เป็นยานพาหนะในการพาผู้ต้องหาไปขายทองและส่งหนีข้ามฝั่งไป สปป.ลาว ได้รับสร้อยคอทองจากผู้ต้องหานั้น ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหารับของโจร ทั้งนี้หากการสอบสวนเกี่ยวพันถึงใครบ้างก็จะจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้หมด

ในคดีของร้านทองแม่ทองพูล ที่ถูกคนร้ายปล้นเอาทองรูปพรรณไปทั้งหมด 437 บาท ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีได้แล้ว 3 คน ได้ทองคืนมารวม 202 บาท ส่วนอีก 2 คนที่เป็นคนลงมือก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างกรหลบหนี และหนีไปพร้อมทองรูปพรรณอีกส่วนที่เหลือ อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ทางการไทย จะได้ประสานกับทางการลาว ในการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนที่กำลังหลบหนีอยู่ที่ สปป.ลาว ในทางการสืบสวนยังพบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่หลบหนีอยู่นั้นผู้ต้องหาทั้งสองคนเคยถูกจับในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ เจอกันในคุก เมื่อพ้นคุกออกมาในคดีได้เพียง 2 เดือน ก็มาร่วมกันก่อเหตุซ้ำในครั้งนี้ ซึ่งถ้าจับกุมผู้ต้องหา 2 รายนี้ได้ น่าจะมีพื้นที่อื่นมาอายัดตัวไปดำเนินคดีอีก

ส่วนนายณรงค์ เจือจินดา ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางจันทจร โปลาแสน เบื้องต้นยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นทองนี้