หลังเลขาธิการ ปปส.แถลงข่าวแล้ว เวลา 6 โมงเย็น นายประหยัด พวงจำปา รองเลขูธิการ ปปช.ไปที่โรงเเรมริชมอนด์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี พร้อมทนายความ แถลงข่าวประเด็น ถูกป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จำนวน 6 รายการ เป็นทรัพย์สินให้ของ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท นายประหยัด แถลงว่า
“ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ต่อมาได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาลอนดอน ที่ภรรยาทำธุรกิจกับชาวต่างประเทศ และขอกู้เงินเพื่อซื้อห้องชุดที่แจ้งว่าได้โอนกรรมสิทธิ์และปิดบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถปิดได้ จึงได้ยื่นแสดงรายการบัญชีธนาคาร 3 บัญชีเพิ่มเติม ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 เรียบร้อยแล้ว จึงไม่เจตนาปกปิดแต่อย่างใด และชี้แจงว่า เป็นการที่ภรรยาถือครองกรรมสิทธิ์แทนบุคคลอื่นที่ทำธุรกิจร่วมกัน และได้ยื่นเพิ่มเติมปรากฏต่อคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว การดำเนินการคดีครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้ง และดำเนินการไม่ชอบหลายประการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ตน ที่ผ่านมาคณะกรรมการป.ป.ช. และเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ไม่เคยให้โอกาสให้ตนได้ให้ถ้อยคำชี้แจงด้วยวาจา และไม่เคยให้เข้าพบ หรือมีการเปิดโอกาสให้ได้อธิบายชี้แจงแต่อย่างใด และไม่เคยแจ้งผลการพิจารณาตามหนังสือขอความเป็นธรรม ทั้งที่ได้ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งเป็นการพิจารณาไต่สวนเพียงฝ่ายเดียว
การดำเนินการไต่สวนไม่ชอบ ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ. ศ. 2561 มาตรา 114 ต้องพิสูจน์เจตนาและการดำเนินการกับข้าราชการป.ป.ช.โดยเฉพาะตามระเบียบ มีการปกปิดพยานเอกสารและข้อมูลที่นำมาเป็นเหตุการแจ้งข้อกล่าวหา โดยไม่ให้ตนตามพยานเอกสารในสำนวน หรือมอบหมายอนุกรรมการไต่สวนมาชี้แจงทำให้ตนไม่สามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องเหมือนคดีปกปิดทรัพย์สินทั่วไปหรือคดี การดำเนินการไต่สวน ก็ไม่เป็นเหมือนคดีอื่นทั่วไปที่มีการมีหนังสือขอให้มาชี้แจงโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา พยานเอกสารที่ใช้กล่าวหา เช่น หนังสือสำนักงาน ป.ป.ง.จากต่างประเทศ ยังไม่มีการพิสูจน์ตามกระบวนการไต่สวนว่า ได้มาโดยชอบและเป็นข้อเท็จจริงตามนั้นหรือไม่ เพียงเชื่อว่าก็นำมาปรักปรำกล่าวหาให้ข่าวว่า ตนมีทรัพย์สินมากถึง 260 ล้านบาทนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น ไม่เคยมีทรัพย์สินจำนวนมากถึงขนาดนั้น ต้องการกลั่นแกล้งตนโดยการกล่าวอ้างว่า มีทรัพย์สินจำนวนมากโดยเป็นการนับจำนวนเงินในปี 2559 ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สิน และบัญชีเงินจากบัญชีกระแสรายรับของการสั่งจ่ายเช็คซึ่ งไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันใดๆทั้งสิ้น ตนไม่มีเงินหรือทรัพย์สินใดๆที่มาจากการกระทำที่ทุจริตใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากกระบวนการไต่สวนที่เร่งรัดดำเนินการผิดปกติและไม่เป็นมาตรฐานตามข้อกฎหมายมีเจตนากลั่นแกล้งตน ในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการปปชอาวุโสระดับหนึ่ง รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ได้รับรู้การทำงานภายในสำนักงานป.ป.ช.มาอย่างต่อเนื่องและยืนหยัดกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมจึงต้องพิสูจน์ความถูกต้องและขอความเป็นธรรมต่อศาลยุติธรรม ตนจึงได้ฟ้องนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคหนึ่งในข้อหาหรือฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท.40/2562 และจะฟ้องร้องดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกหลายคนที่ทำเป็นกระบวนการต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป
นอกจากนี้ การมีข้อบกพร่องสำคัญผิดในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องของภรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นคนละคนกันย่อมมีความเข้าใจผิดได้ เมื่อรัฐธรรมนูญได้เพิ่มเจตนาจึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าผู้มีอำนาจใช้กฎหมายต้องใช้หลักนิติธรรมในการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และหากตนมีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินจริงๆคงไม่ยื่นบัญชีเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ส่วนมูลเหตุการกลั่นแกล้งตนให้ถูกดำเนินคดีครั้งนี้เชื่อว่า เกิดจากปัญหาความขัดแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างตนเองกับเลขาธิการปปช. ขอฝากสื่อมวลชน องค์กรยุติธรรมต่าง ๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือการถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ฝากเรียนไปยังพรรคการเมือง หรือ ส.ส. พรรคต่าง ๆ ถ้าเห็นว่าประเด็นตนมีข้อไม่เป็นธรรม ควรหยิบยกไปไต่สวนในสภา ขอเชิญมาบอกกับตนได้ จำนวนสมาชิก 125 เสียงเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภา ไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ หรือประชาชน 2 หมื่นรายเข้าชื่อถอดถอนในประเด็นการดำเนินการที่มิชอบได้ ตนยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการว่าถูกต้องหรือไม่
นักข่าวถามว่า จริงหรือไม่อาจเกี่ยวข้องกับคดีเครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย นายประหยัด ตอบ
คดีนี้เกิดขึ้นนานมาก ตนไม่เคยยุ่งเลย เคยไปอินโดนีเซียแค่ครั้งเดียวกับนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. โดยไปศึกษาดูงาน ไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่ ปตท. และภรรยาตนไม่เคยไปอินโดนีเซีย ไม่เคยรู้จักเหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน มีการเชื่อมโยง คิดเอาเองทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่มีการพิสูจน์ ต้องพิสูจน์ให้ชัดก่อน
ถามต่อ อะไรทำให้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง
นายประหยัด ตอบ
ก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมกับนายวรวิทย์ สุขบุญ แต่เมื่อนายวรวิทย์เป็นเลขาฯ ตนได้เป็นรองเลขาฯ และถูกลดบทบาทในการทำงาน บางครั้งต้องรักษาการรองเลขาฯ และสุ่มเสี่ยงถูกประเมินผลงานให้ถูกออกจากราชการ
matemnews.com
15 สิงหาคม 2562