“พิชัย” ติง “สมคิด” ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนพูดเรื่องพลังงาน ชี้ เห็นด้วยเรื่องเจรจานำพลังงานจากพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา แนะ เร่งตรวจสอบคดีสวนปาล์มอินโดของ ปตท ที่กำลังอื้อฉาว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่ารู้สึกแปลกใจที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เพิ่งจะมาให้ความสนใจเรื่องนโยบายพลังงานทั้งๆที่ 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นนายสมคิดพูดเรื่องพลังงานเลย และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ไม่มีผลงานอะไรในด้านพลังงานตลอด 5 ปี ยกเว้นให้ บริษัทลูกของ กฟผ. ไปซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินที่โลกกำลังจะเลิกใช้แล้ว ในประเทศอินโดนีเซีย ใช้เงิน 1.17 หมื่นล้านบาทแต่ได้หุ้นมาเพียง 11-12% เท่านั้น และ อนาคตการลงทุนนี้น่าจะย่ำแย่ตามอนาคตของถ่านหิน ซึ่งผมได้เคยทักท้วงไว้แล้ว เพราะเชื่อว่าน่าจะมีข้อครหาเรื่องการทุจริต ดังนั้น การที่นายสมคิดออกมาพูดเรื่องพลังงานอาจจะมีเจตนาเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากบางเรื่อง เช่น เรื่องการถวายสัตย์ผิดพลาดก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ผมเห็นด้วยกับหลายนโยบายที่รัฐบาลเสนอ โดยเฉพาะการเจรจาเพื่อนำพลังงานจากแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชาขึ้นมาแบ่งกัน ซึ่งผมได้เสนอแนวคิดและเรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะไทยที่มีความพร้อมมากกว่าจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล และจะทำให้รัฐได้รายได้เพิ่มปีละเป็นแสนๆล้านบาท เพื่อนำมาช่วยสนับสนุนการประกันสุขภาพ หรือ ช่วยสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่จะต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องเลยกับแบ่งเขตแดน เป็นแค่การนำพลังงานขึ้นมาแบ่งกันเท่านั้น อีกทั้ง ในอนาคตโลกอาจจะเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานที่เป็นฟอสซิลซึ่งอาจจะทำให้แหล่งพลังงานนี้ไม่มีมูลค่าอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ จึงควรรีบเจรจาและรีบขุดมาใช้ขณะที่ยังมีมูลค่าและความต้องการอยู่ ในสมัยที่ผมดำรงตำแหน่ง รมว. พลังงาน ก็ได้พยายามผลักดันเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน อีกทั้งยังน่าจะสามารถทำให้ราคาก๊าซและราคาไฟฟ้าในประเทศถูกลงได้ด้วย
อย่างไรก็ดี อยากให้นายสมคิด ได้ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนที่จะพูด เพราะตามข่าวนายสมคิดได้พูดว่าสหรัฐขอให้ไทยเป็นตัวกลางในการเจรจา เหมือนกับว่า แหล่งพลังงานนั้นเป็นของสหรัฐแล้ว ซึ่งไม่ใช่ แหล่งพลังงานนี้ต้องเป็นของไทยและกัมพูชาที่จะต้องเจรจากันเอง จริงอยู่ว่าในอดีตนานมากแล้วไทยได้มีการให้สัมปทานไปแล้วกับบริษัทพลังงานของสหรัฐ แต่นายสมคิดคงยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลละเอียดจึงไม่ทราบว่า กัมพูชา เองก็ให้สัมปทานทับซ้อนในพื้นที่ให้กับบริษัทพลังงานของประเทศอื่นไปแล้วเหมือนกัน ในขณะที่มีการให้สัมปทานนั้น เข้าใจว่า บมจ. ปตท ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นหากประเทศไทยตกลงกับประเทศกัมพูชาได้ ทั้งสองประเทศอาจจะต้องร่วมกันเปิดประมูลกันใหม่เพื่อให้บริษัทพลังงานทั่วโลก รวมถึงบริษัทพลังงานของไทยได้มีส่วนร่วมประมูลด้วย ซึ่งจะทำให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด และ เป็นแนวทางที่หลายประเทศได้ทำกัน ดังนั้นจะอ้างว่าสหรัฐขอให้เป็นตัวกลางน่าจะไม่ถูกต้องและอาจสร้างความเสียหายได้ เหมือนกับว่านายสมคิดตั้งใจยกแหล่งพลังงานนี้ให้กับบริษัทพลังงานของสหรัฐไปแล้ว คล้ายกับที่ผ่านมาโดนครหาว่านายสมคิดได้ยกรถไฟความเร็วสูงให้กับจีน ดังนั้นจึงอยากให้นายสมคิดศึกษาให้ดีก่อนที่จะพูด
ทั้งนี้ เรื่องแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนนี้ เป็นเรื่องใหญ่มีผลประโยชน์สูงมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความรู้สึกของประชาชน โดยต้องทำให้โปร่งใสทุกขั้นตอน และควรเจาะจงไปเลยว่าจะนำรายได้มหาศาลที่จะเกิดขึ้นนี้ไปใช้เรื่องใดที่ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ จะมาทำงุบงิบเหมือนสมัยอยู่ในช่วงรัฐบาลเผด็จการไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดอีกมาก ดังนั้น อย่าเพิ่งพูดมั่วๆ ถ้ายังไม่รู้จริง
อีกเรื่องที่อยากให้ศึกษาให้ดีคือเรื่องที่จะให้ ปตท. ผลิตปุ๋ยราคาถูกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งทำให้นึกถึงโครงการปุ๋ยแห่งชาติในอดีตที่มีวัตถุประสงค์แบบเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จเพราะต้นทุนการผลิตปุ๋ยในประเทศไทยสูงกว่าการนำเข้าปุ๋ยมาก จึงอยากให้มั่นใจว่าต้นทุนจะต่ำกว่าจริง อีกทั้งไม่แน่ใจว่านายสมคิดได้สอบถามผู้นำเข้าปุ๋ยรายใหญ่ที่สนิทสนมกับนายสมคิดแล้วหรือยังในเรื่องนี้
ท้ายสุดนี้ เรื่องของพลังงานที่เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่ผมเรียกร้องมาตลอด 5 ปีนี้คือการขอให้รัฐบาล และ ปปช. ได้เร่งตรวจสอบการทุจริตโครงการสวนปาล์มในประเทศอินโดนีเชียของ ปตท. ที่กำลังอื้อฉาวอยู่ในปัจจุบัน โครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยผมได้สั่งให้ทำการตรวจสอบโครงการนี้ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ารับตำแหน่ง รมว. พลังงาน จนต่อมา ปตท. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการนี้จนพบความผิดและได้ส่งให้ ปปช แล้ว แต่เรื่องดำเนินไปล่าช้ามาก จนมามีเรื่องอื้อฉาวมากมายอยู่ในขณะนี้ โดยมี การกล่าวหาว่ามีบุคคลระดับสูงใน ปปช. มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงอยากให้มีการเร่งตรวจสอบนำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีเพื่อกำจัดการทุจริตคอรัปชั่น และ เป็นข้อเตือนใจว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ยังสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่ทุจริตคอรัปชั่นได้ และจะได้เป็นบทเรียนให้แก่รัฐบาลนี้ด้วย
matemnews.com
16 สิงหาคม 2562