“พิชัย” ท้า “บิ๊กตู่” ออกทีวีพิสูจน์รู้จริงทางเศรษฐกิจ ห่วง “อุตตม” โม้เกินจริงปีนี้โต 3.5% เป็นไปไม่ได้ แนะ ปิดปากเหมือน “สมคิด”
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างมาก อีกทั้ง สถานการณ์ในฮ่องกงอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความถดถอยของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง Inverted Yield Curve เป็นสัญญาณอันตายที่แสดงว่าโลกอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมและหาบุคคลากรที่รู้เรื่องเศรษฐกิจจริงๆเข้ามาบริหาร หลังจากที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำมา 5 ปีแล้ว โดยล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ยืนยันว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างดี พร้อมกับพูดถึง การปฏิวัติอุตสาหกรรม และ ในระยะยาวต้องมีการลงทุน ซึ่งพลเอกประยุทธ์อาจไม่ทราบว่า การปฏิวัติอุตสามหรรมนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1760-1850 หรือ 169-259 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ เจมส์ วัตต์ คิดค้นกลจักรไอน้ำได้ ซึ่งน่าจะเป็นการพูดเรื่องที่ยัอนยุคอย่างมาก
ดังนั้น จึงขอแนะนำว่า ในปัจจุบันนายกฯ จะต้องศึกษาและเข้าใจดีในเรื่องดังนี้เช่น Disruption, Inverted Yield Curve, Libra, 0% interest 30 years German bond, Hong Kong impact etc. ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์มั่นใจว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดี ตนจะขอสัมภาษณ์พลเอกประยุทธ์ออกอากาศช่องไหนก็ได้ และจะส่งคำถามให้ก่อนด้วยเพื่อเตรียมตัว
นอกจากนี้ การที่พลเอกประยุทธ์แสดงความรู้และเข้าใจดีว่าในระยะยาวประเทศต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนา ดังนั้นจึงอยากถามว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำไมการลงทุนไทยถึงได้หดหาย เศรษฐกิจไทยถึงได้ย่ำแย่ ขยายได้เพียง 2.3% เท่านั้น ทั้งๆที่เศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หากเกิดเศรษฐกิจโลกถดถอยจริง เศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่ขนาดไหน ไม่อยากจะนึกเลย เพราะทุกวันนี้ก็มีข่าวว่าคนไทยฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจกันแทบทุกวันแล้ว
ที่น่ากังวลยิ่งไปอีกก็คือการที่ นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง คนที่คิดว่าน่าจะพอรู้เศรษฐกิจบ้างกลับกล้าโม้ว่าจากมาตรการรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายได้ ถึง 3.5% ซึ่งขอยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้เพียง 2.6% เท่านั้น ถ้าปีนี้จะขยายถึง 3.5% ครึ่งปีหลังต้องขยายถึง 4.4% ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลยในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ถ้านายอุตตมมั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างที่พูดก็ควรจะรับผิดชอบด้วยตำแหน่ง ซึ่งมั่นใจว่าหากยอมเดิมพันด้วยตำแหน่ง ประเทศไทยได้เปลี่ยน รมว. คลัง ปลายปีนี้แน่นอน หรือแค่ประกาศไตรมาส 3 ก็คงจะรู้แล้วว่าไม่มีทาง ซึ่งหากนายอุตตมสามารถทำได้จริง ตนจะไม่วิจารณ์นายอุตตมอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือคดีแบงค์กรุงไทย
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขยายตัวได้แค่ 2.3% คนที่ฉลาดและรู้เศรษฐกิจบ้างจะพูดน้อยๆหรือไม่พูดเลย ดังจะเห็นได้ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หลังจากโยนเศรษฐกิจแย่ๆให้กับ พลเอกประยุทธ์เป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรับไปแล้วก็เก็บตัวเงียบ และพูดน้อยมาก ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ดูนายสมคิดเป็นตัวอย่าง ซึ่งตนได้แนะนำพลเอกประยุทธ์ก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าไม่รู้จริงไม่ควรพูด เพราะจะยิ่งแสดงความไม่รู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เสียหน้าเปล่าๆ
matemnews.com
26 สิงหาคม 2562