นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวบ่าย 27 ส.ค.2562 ผลการพิจาราณาของคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและมีความเห็นเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. มีการรวบรัดขั้นตอนเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 159 วรรคสองหรือไม่
ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 252 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่ การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งถือเป็นบทยกเว้นมาตรา 159 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แม้ไม่ได้บัญญัติยกเว้นมาตรา 159 วรรคสอง ไว้ด้วยก็ตาม แต่มาตรา 159 วรรคสอง เป็นเพียงกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า1 ใน10ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จากคำชี้แจงของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้จัดให้มีการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีส.ส. เสนอชื่อจำนวน 2 ท่าน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และมีส.ส.รับรองโดยเปิดเผยไม่น้อยกว่า1ใน 10 ของจำนวนส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยไม่มีส.ส.คนใดเสนอรายชื่อเพิ่มเติม ประธานรัฐสภาจึงดำเนินการให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายและให้ความเห็นชอบต่อไป จึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 159 วรรคสอง การกระทำของประธานรัฐสภาจึงไม่เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่ได้มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และฟังไม่ได้ว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจึงให้ยุติเรื่อง
matemnews.com
27 สิงหาคม 2562