นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข้าวเช้า 30 ส.ค.2562 ประเด็นศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต 2 จำเลยชาวเมียนมาร์ที่ร่วมกันฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ว่า
“คดีเกาะเต่าปิดสมบูรณ์แล้ว แต่ยังมีคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญเกิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อัยการจะทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกฝ่ายสรุปสำนวนสั่งคดีที่มาจากพนักงานสอบสวนไม่ให้เกิดข้อบกพร่อง คดีเกาะเต่าแม้ไม่มีประจักษ์พยาน มีแต่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผ่านการกลั่นกรองจากคณะเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยตรวจคานกัน อัยการได้บอกกับแม่จำเลยในวันที่มาร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุดว่า ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มีมาตรฐาน หากผลเป็นอย่างไรอัยการต้องเชื่อ จนศาลฎีกาพิพากษามาผลเป็นดังที่ทราบ อัยการมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ นอกจากการฟ้องคดีอาญา คดีที่กระทำกับนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐได้เร่งดำเนินคดีและมีกระบวนการยุติธรรมที่พิสูจน์ความจริงที่มีมาตรฐาน ทำให้นานาอารยประเทศยอมรับและมั่นใจในประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมไทย และการท่องเที่ยวของไทย”
นายวีระศักดิ์ โชติวานิช ทนายความของ 2 จำเลยชาวเมียนมาร์ แถลงว่า ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นเช่นนี้ ก็ต้องยอมรับในกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ แต่หากการเมืองภายในของเมียนมาร์จะมีใครหยิบยกมาขยยายผลหรือไม่ก็ตามดู ตนมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ยังดีอยู่ เมื่อคำพิพากษามาถึงชั้นที่สุด ทางแก้เท่าที่ทำได้ คือแก้โดยช่องทางตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นเรื่องพระราชอำนาจ ในส่วนของการรับฟังพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ของศาล ผมจะไปศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกาและหาทางปรับแก้ไขสำหรับคดีต่อๆ ไป”
matemnews.com
30 สิงหาคม 2562