เฟชบุ้ค มานะ นิมิตรมงคล
ถึงเวลานายกฯ ต้องชัดเจน ว่าจะยึดมั่นในรัฐธรรมนูญและธรรมาภิบาลเพียงใด กรณี รมช.กระทรวงเกษตรฯ และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เคยพัวพันคดียาเสพและติดคุกในต่างประเทศ
เรื่องนี้คนที่จงใจตีความตามตัวอักษรว่าการติดคุกในต่างประเทศไม่เกี่ยวกับกฎหมายไทย ฟังดูมีเหตุผลเพราะเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย แล้วเรื่องนี้ก็ไม่เคยมีคำพิพากษาหรือกฎหมายอะไรที่ระบุว่า การถูกศาลต่างประเทศตัดสินให้จำคุกที่มิได้เกิดขึ้นในอาณาเขตประเทศไทย จะกลายเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯ มิให้บุคคลนั้นสมัคร ส.ส. และเป็นรัฐมนตรีได้
แต่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่งที่เสนอให้ยึดถือ “เจตนารมณ์” ของรัฐธรรมนูญ ผลประโยชน์ของส่วนรวม รวมถึงความรู้สึกและความศรัทธาของประชาชนที่จะมีต่อตัวบุคคลผู้มาใช้อำนาจแทนปวงชนตามระบอบประชาธิปไตยเป็นสำคัญ
แนวคิดนี้สอดคล้องกับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่หารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 5 (พ.ศ. 2525) ตามที่ปรากฏในเอกสารของรัฐสภา* สรุปโดยย่อว่า
“เจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดห้ามบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษา..เข้ารับสมัครรับเลือกตั้ง มูลเหตุน่าจะมาจากบุคคลที่เคยถูกจำคุกนั้น ความรู้สึกของคนในสังคมทั่วไปไม่ยอมรับนับถือ โดยเฉพาะผู้ที่จะมาเป็น ส.ส. จะต้องเป็นผู้มีความประพฤติพร้อมในทุกด้าน ปราศจากมลทินมัวหมอง..” และ “หากตีความให้การจำคุก..หมายถึงการจำคุกในประเทศไทยเพียงกรณีเดียวย่อมเป็นผลให้..(ผู้นั้น)..มาใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย..”
คณะกรรมการกฤษฎีกาฯ เห็นด้วยโดยยึดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและผลจากการกระทำของบุคคลเป็นสำคัญ
ผมสนับสนุนแนวคิดแบบหลังนี้ เพราะเป็นเรื่องธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบทางการเมืองของผู้ใช้อำนาจบริหารประเทศ แนวคิดนี้จึงเป็นการปกป้องสังคม
ถึงตรงนี้คุณคิดว่าท่านนายกประยุทธ์จะเลือกแบบไหนครับ..
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
หมายเหตุ *บทความวิชาการเรื่อง “โทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญฯ ไทยหรือไม่” โดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการวิสามัญ 3 สำนักกรรมาธิการ 2 รัฐสภา, ความยาว 8 หน้ากระดาษ
matemnews.com
18 กันยายน 2562