ความเป็นนายกรัฐมนตรี ไปไหนลำบาก มี รปภ.ติดตาม แต่หากจะให้ผมไปไหนคนเดียว ใครจะเสี่ยงกับผม ผมไม่ได้กลัวตาย แต่มันเสียศักดิ์ศรี หากอยู่ดีๆ มีใครมาตะโกนด่า เคาะหัว ชกหน้า มันก็ไม่ใช่
สำนักข่าวไทย เผยแพร่
นายกฯ ขอคนไทยในสหรัฐฯ ร่วมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย
การเมือง 22 ก.ย. 2019 20:34:35
นครนิวยอร์ก 22 ก.ย.- นายกฯ พบปะชุมชนไทยในสหรัฐฯ ชี้แจงสถานการณ์การเมืองในไทยที่มีเสถียรภาพดีขึ้น พร้อมขอให้มีความสามัคคี ร่วมสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติต่อประเทศไทย ระบุ ภูมิใจที่คนไทยในสหรัฐฯ ได้รับการยอมรับและมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกับชาวอเมริกัน เผย โชคดีมีภรรยาคอยดูแลสุขภาพ
“รวีวรรณ สมรภูมิ” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 21-27 กันยายน 2562 รายงานว่า เวลา 15.30 น. วันที่ 22 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้พบปะชุมชนไทยในสหรัฐฯ ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยในนครนิวยอร์ก เครือข่ายสมาคมและชมรมคนไทย กลุ่มนักวิชาชีพชาวไทยในรัฐนิวยอร์กและรัฐใกล้เคียง ผู้แทนสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐฯ และแคนาดา นักศึกษาไทยในสหรัฐฯ และผู้สื่อข่าวไทยประจำนครนิวยอร์ก ณ โรงแรมพลาซา แอทธินี ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้แจ้งสถานการณ์ในประเทศไทย นโยบายรัฐบาล โดยระบุว่า จะไม่พูดเรื่องความขัดแย้ง เพราะประเทศกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง และว่า 5 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดการยกระดับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คำว่าถ้วนหน้าคือ ทุกคน ตอนนี้เกือบ 100% เข้าในระบบหมดแล้ว ทุกอย่างต้องครอบคลุมประชาชนให้ได้มากที่สุด และว่า ไทยถูกจัดอันดับให้ขึ้นเป็นที่ 6 ของโลก และเป็นลำดับ 1 ของอาเชียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยดำเนินการปฏิรูป ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และได้ออกกฎหมายและปรับปรุงกฎหมาย รวมกว่า 400 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
“5 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีงดเว้นการเยี่ยมเยียนต่างประเทศในระดับสูงบ้าง แต่ในช่วงนั้นผมก็สามารถเดินทางไปได้หลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนัก ครั้งนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว โดยเฉพาะอเมริกา ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เป็นประเทศต้นๆ ที่ออกแถลงการณ์รับการเลือกตั้งแสดงความยินดีกับผมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยลายมือของตัวเอง ผ่านกระทรวงการต่างประเทศมาถึงผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังพยายามแก้ไขปัญหาสังคมที่คั่งค้างมานาน เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาแรงงาน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สุด ให้มีความพร้อมไปสู่ศตวรรษใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมาตรการรับมือกับสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและไม่แน่นอน รวมทั้ง สภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนจากความขัดแย้งกีดกันทางการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจ
“ผมภูมิใจและยินดีที่ได้เห็นคนไทยในสหรัฐฯ เป็นพลเมืองที่ดีของสหรัฐฯ ประกอบอาชีพและธุรกิจที่ได้รับการยอมรับ และมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกับชาวอเมริกัน ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยได้ แม้จะพำนักและทำงานอยู่ในสหรัฐฯ ที่สำคัญขอให้มีความสามัคคี เพื่อนำเสนอประเทศไทยในทางบวก และสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย แสดงเอกภาพและศักยภาพของชุมชนไทยในสหรัฐฯ ให้เป็นที่ประจักษ์” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณชุมชนไทยในสหรัฐฯ สำหรับกำลังใจและการสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อร่วมกันนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน และว่า เวลาเสถียรภาพทางการเมืองไทยดีขึ้น ส่วนตัวไม่ได้ต้องการขัดแย้งกับใคร มีแต่คนที่ต้องการขัดแย้งกับตนตลอดเวลา
นายกรัฐมนตรี ยังได้ตอบคำถามคนไทยที่มาพบปะ โดยมีคำถามช่วงหนึ่งที่ถามว่า นายกรัฐมนตรีดูแลสุขภาพอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นโชคดีที่มีสุขภาพแข็งแรง และโชคดีที่มีภรรยาคอยดูแลอยู่
“เมื่อทำงานเสร็จกลับบ้านดูเน็ตฟลิกกับภรรยา เพราะภรรยาชอบดูหนังแนวสืบสวนสอบสวน ผมเลยติดชอบดูไปด้วยสนุกดี และอ่านหนังสือบ้าง ทั้งไทยอังกฤษ ให้ภรรยาช่วยแปลด้วย หากมีเวลาพักผ่อน ก็พยายามพักผ่อนให้มากที่สุด เสาร์-อาทิตย์ก็ออกกำลังกาย แต่ความเป็นนายกรัฐมนตรี ไปไหนลำบาก มี รปภ.ติดตาม แต่หากจะให้ผมไปไหนคนเดียว ใครจะเสี่ยงกับผม ผมไม่ได้กลัวตาย แต่มันเสียศักดิ์ศรี หากอยู่ดีๆ มีใครมาตะโกนด่า เคาะหัว ชกหน้า มันก็ไม่ใช่ แต่ผมคิดว่า คงไม่มีใครทำร้ายผม มีแต่รอยยิ้ม ไม่ต้องกล้ว ถ้ายังมีรอยยิ้มแบบนี้ ก็คิดว่าคงอยู่ได้สักระยะหนึ่ง มีพวกเราทั้งในและต่างประเทศ ผมก็คิดว่าคนคงไม่ได้เกลียดผมมากมายนักหรอก” นายกรัฐมนตรี กล่าว . –
สำนักข่าวไทย
matemnews.com
23 กันยายน 2562