http://www.thaigov.go.th/n
วันนี้ (18 กันยายน 2560) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณประตูระบายน้ำบ้านแพน หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการทุ่งรับน้ำ “โครงการเปิดน้ำเข้านา – ปล่อยปลาเข้าทุ่ง” พร้อมเปิดประตูระบายน้ำบ้านแพน และทำการปล่อยน้ำเข้านา ปล่อยปลาเข้าทุ่ง
สำหรับทุ่งรับน้ำบ้านแพนเป็น 1 ใน 7 ทุ่งรับน้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่สามารถทำเป็นแก้มลิงรองรับน้ำหลาก และมีการปรับเปลี่ยนระบบการปลูกข้าวเหลื่อมเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบอุทกภัยซ้ำซาก และเป็นการจัดระบบการปลูกข้าวให้ได้ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวทันต่อกำหนดการเปิดพื้นที่ให้เป็นพื้นที่รับการระบายน้ำ ซึ่งเป็นช่วงการปล่อยน้ำเข้านา ปล่อยปลาเข้าทุ่ง ในพื้นที่ทุ่งรับการระบายน้ำ 7 ทุ่ง ได้แก่ ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งบ้านแพน ทุ่งบางบาล ทุ่งเจ้าเจ็ด ทุ่งบางกุ่ม และทุ่งบางกุ้ง โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยจัดสรรน้ำ และจัดส่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายให้เพียงพอในการปลูกข้าว ตามระบบการปลูกข้าวเหลื่อมเวลาและทันกำหนดระยะเวลาการปลูก โดยกำหนดห้วงเวลาตามแผนให้เกษตรกรปลูกข้าวต้นเดือนเมษายน และเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จไม่เกิน 15 กันยายนของทุกปี หลังจากนั้นจะใช้พื้นที่นาหลังเก็บเกี่ยวเสร็จเป็นทุ่งรับน้ำ เพื่อกระจายน้ำเข้าทุ่งประมาณ 3 เดือน เพื่อปล่อยปลาเข้าทุ่ง ให้เกษตรกรได้ทำการประมงสร้างอาชีพเสริม
นอกจากนั้น ทางจังหวัดฯ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยยังได้ดำเนินโครงการ “ขุดดินแลกน้ำ” ตามนโยบายบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะพื้นที่การเพาะปลูกนอกเขตชลประทานที่อาศัยเพียงน้ำฝนและจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม เสริมศักยภาพแหล่งกักเก็บน้ำเดิม หรือสร้างแหล่งกักเก็บน้ำใหม่ในที่ขาดแคลน โดยดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 ทำให้ไม่ต้องใช้งบประมาณทางภาครัฐในการดำเนินการ ในปี พ.ศ. 2560 ทางจังหวัดฯ ได้ดำเนินโครงการแล้ว จำนวน 15 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 295 ไร่ 2 งาน 83.78 ตารางวา ปริมาณดินที่ได้ 772,044 ลูกบาศก์เมตร สามารถประหยัดเงินงบประมาณในการขุดลอกแหล่งน้ำของภาครัฐได้ จำนวน 20.366 ล้านบาท และมีเงินเหลือคืนเป็นรายได้ของรัฐ จำนวน 1.250 ล้านบาท
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมโครงการเปิดน้ำเข้านา – ปล่อยป่าเข้าทุ่งที่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดี แก้ไขปัญหาน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มจากการทำประมงในพื้นที่นาข้าวหลังจากการปล่อยน้ำเข้าทุ่งนา นอกจากนั้น ยังทำให้ประชาชนลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะน้ำที่ปล่อยเข้าทุ่งนาจะนำเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์จากธรรมชาติเข้ามาในทุ่งนาด้วย และขอให้ประชาชนร่วมมือกัน ทำอะไรขอให้นึกถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ช่วยกันทุกภาคส่วนให้มีความเข้มแข็งไปด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนการช่วยเหลือเรื่องราคาสินค้าเกษตร เกษตรกรต้องลดต้นทุนการผลิตลงเพื่อให้ได้กำไร โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรให้ความช่วยเหลือและคิดหาสูตรปุ๋ยลดสารที่ไม่จำเป็นลง เพื่อทำให้ราคาถูกลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ขอให้เกษตรกรดูตลาดเป็นหลักในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย และใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการจำหน่ายสินค้า พร้อมกันนี้ขอให้เกษตรกรในพื้นที่มีน้ำท่วมขังเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้ได้ สร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย และขอให้ระมัดระวังในการดำรงชีวิต
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่พบประชาชนทุกครั้งมาด้วยหัวใจ ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกร พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาแผ่นดิน หยุดทะเลาะกัน ซึ่งทุกคนเห็นต่างได้แต่อย่าทำผิดกฎหมาย โดนส่วนตัวแล้ว จะทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินเกิด ไม่มีทางทรยศต่อแผ่นดินแน่นอน