นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.) แถลงข่าวเมื่อบ่าย 5 ต.ค.2562 ว่าด้วยความคืบหน้ากรณี “ นายนายคณากร เพียรชนะ” ผู้พิพากษาใช้อาวุธปืน ยิงหน้าอกตัวเอง 1 นัด ในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดยะลา เมื่อใกล้เที่ยง 4 ต.ค.2562 ว่า
“ได้รับรายงานข้อเท็จจริง จากนายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 และจาก นายอนิรุธ ใจเที่ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม ก.ต.ในวันที่ 7 ต.ค.2562 และได้รายงานต่อ นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ตามลำดับแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้เมื่อรายงานที่ประชุม ก.ต.ไปแล้ว ก็ดูว่า ก.ต.จะพิจารณาอย่างไร ตนได้เตรียมรายละเอียด เช่นคำแถลงการณ์ต่างๆของ นายคณากร เพียรชนะ เพื่ออธิบายแก่ก.ต. และต้องรับข้อมูลจากอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องอีกด้วย”
นักข่าวถามว่า มีการเเทรกเเซงคดีจนเป็นเหตุให้ยิงตัวเองหรือไม่
นายสราวุธ ตอบว่า “คำพิพากษาถือเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยก่อนการอ่านคำพิพากษาได้ ไม่เช่นนั้นจะรู้ผลล่วงหน้า และเป็นวิธีปฏิบัติของศาลที่จะปรึกษาหารือกันได้ ในกระบวนการทำงาน คดีที่มีโทษสูง คดีสำคัญ กฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1) ให้อำนาจ อธิบดีฯนั่งพิจารณา และพิพากษาคดีใดๆของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดและมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลนั้น ในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าของผู้พิพากษา และใน มาตรา 14 ระบุไว้ด้วยว่า ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาคเป็นผู้พิพากษาในศาลที่อยู่ในเขตอำนาจด้วยผู้หนึ่ง โดยให้มีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 วรรคหนึ่ง รวมทั้งได้ให้อำนาจรองอธิบดีผู้พิพากษาภาคไว้ด้วย เพราะปริมาณคดีมีมาก
ดังนั้นอธิบดี จึงมีสิทธิที่จะตรวจสำนวน คำพิพากษา ถึงแม้ไม่ได้ขึ้นไปนั่งพิจารณาคดี ก็มีข้อแนะนำได้ หากการเขียนคำพิพากษามีจุดบกพร่อง ก็แนะนำให้แก้ไขได้ ซึ่งกฎหมายให้อำนาจไว้ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน แต่อธิบดีฯไม่สามารถไปก้าวก่ายการตัดสินของผู้พิพากษาได้ และไม่สามารถแทรกแซงการทำงานได้ เพราะหากผู้พิพากษาไม่เห็นตาม ก็สามารถยืนยันความเห็นของตัวเองได้
ตัวอย่างในคดีที่ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกฟ้องคดี 157 ท่านชีพ จุลมนต์ อดีตประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาในขณะนั้น เคยมีความเห็นแตกต่างจากองค์คณะว่า ควรลงโทษ แต่องค์คณะเห็นว่า ควรพิพากษายกฟ้อง อธิบดีฯศาลจึงมีความเห็นว่า ให้เอาไปทบทวน ทางองค์คณะ ยืนยันเหมือนเดิมว่าให้ยกฟ้อง นายชีพ อธิบดีฯศาลอาญา ขณะนั้นจึงทำความเห็นแย้งไป
สำหรับในศาลภาค 9 มีคดีความมั่นคงจำนวนมาก การที่อธิบดีฯ มีอำนาจตรวจสำนวน และทำความเห็นแย้งได้ จึงถือเป็นเรื่องปกติในกระบวนการทำงาน เปรียบเสมือนการตรวจให้มีความรอบคอบได้มาตรฐาน ถ้าผู้พิพากษาที่พิจารณาสำนวนยังยืนยันคำพิพากษาก็ต้องเป็นไปตามที่เขียนไว้อยู่เเล้ว”
“ผมขอบอกไว้เลย ในศาลใครจะมาสั่งผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะในการตัดสินคดี มันสั่งไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องอำนาจบังคับบัญชาตามลำดับชั้น ดุลพินิจของเจ้าของสำนวนจะมีความเป็นอิสระ เรื่องนี้เป็นมานานเเล้ว เเละไม่ใช่เฉพาะเรื่องภายในเท่านั้น ในทางภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่าย ตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายบริหารยิ่งสั่งเราไม่ได้”
นักข่าวถาม การที่ผู้พิพากษายิงตัวเองในห้องพิจารณา โดยบอกว่ามีเหตุจากการทำคำพิพากษา จะกระทบต่อผู้พิพากษาอื่นๆหรือไม่ นายสราวุธ ตอบ
“ ผู้พิพากษาทั่วประเทศมีขวัญกำลังใจดีไม่มีปัญหาอะไร เรื่องอำนาจของอธิบดีผู้พิพากษามีกำหนดชัดเจนในกฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ตนก็เป็นผู้บรรยายกฎหมายวิชาพระธรรมนูญศาลในเนติบัณฑิตยสภา ส่วนจะมีการแก้ไขกฎหมายพระธรรมนูญศาลหรือไม่ ให้รอฟังผลการประชุม ก.ต.ก่อน ผมขอย้ำว่าผู้พิพากษามีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงแน่นอน”
matemnews.com
5 ตุลาคม 2562